บุรีรัมย์-สลด!!ดต.เครียดปัญหาสุขภาพรุมเร้า คว้า11 มม.จ่อยิงหัวดับ

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

บุรีรัมย์-สลด!!ดต.เครียดปัญหาสุขภาพรุมเร้า คว้า11 มม.จ่อยิงหัวดับ



       วันที่ 16 ก.ย 61 เวลา 19.00 น.ร.ต.อ พงศกร วิเศษพันธ์ รองสาร(วัตรสอบสวน)สภ.หนองหงส์ บุรีรัมย์ รับแจ้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงตัวเองเสียชีวิต จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม ร.ต.อ มณเทียร จิตรบุญศรี รอง สวป.แพทย์เวรโรงพยาบาลหนองหงส์ร่วมชันสูตรพลิกศพ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสวนอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 500 เมตร พบศพ ด.ต.นิวัฒน์ อินทร์นอก อายุ 50 ปี เป็นข้าราชการตำรวจสังกัด สภ.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนพื้นดินทางเดินเข้า-ออกภายในสวน ในสภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะ จากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้นพบบริเวณขมับด้านขวามีร่องรอยถูกยิงกระสุนฝังใน เลือดไหลนองเต็มพื้น โดยในมือด้านขวามีอาวุธปืนวางอยู่ด้วยในลักษณะหันปากกระบอกเข้าหาตัว ทั้งนี้ยังพบกระสุนปืนขนาด 11 มม.ตกอยู่บริเวณขาของผู้ตาย 2 นัด ห่างจากศพประมาณ 1 เมตรพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่อีก 1 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจสอบบริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ที่มาพบศพ คือ นางปาริฉัตร ภรรยาของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นข้าราชการครูอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่กลับจากประชุมมาถึงบ้านแล้วไม่เจอสามี จึงถามพ่อก็บอกว่าสามีขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างออกไปสวน เพื่อไปเกี่ยวหญ้ามาให้ควายที่เลี้ยงไว้ แต่เห็นว่าเย็นแล้วสามียังไม่กลับเข้าบ้าน จึงออกไปตามหาก็พบร่างสามีนอนอยู่พื้นดินในสภาพเลือดไหลนองเต็มพื้น และมีอาวุธปืนอยู่บนมือ ก็ตกใจแทบช็อกทำอะไรไม่ถูก จึงรีบบอกพ่อแม่ให้มาดูและโทรแจ้งตำรวจดังกล่าว
จากการสอบถามนางเสถียรรัตน์ อินทร์นอก พี่สาวของผู้เสียชีวิต บอกว่า ด.ต.นิวัฒน์ น้องชายมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าประมาณ 2 ปีแล้ว เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ระยะหลังก็ป่วยเป็นกรดไหลย้อนเข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นประจำ ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย ก่อนหน้านี้เคยได้ยินน้องชายพูดในลักษณะตัดพ้อกับปัญหาสุขภาพของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ว่าสงสารลูกเมียที่ตัวเองต้องมาเป็นภาระ ซึ่งตนก็จะคอยปลอบน้องให้ทำใจสบายๆ อย่าคิดมาก แต่ไม่คิดว่าน้องชายจะมาตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตายแบบนี้
อย่างไรก็ตามถึงแม้ครอบครัวจะไม่ได้ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย จากปัญหาสุขภาพที่รุมเร้า แต่ก็ต้องส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา เพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนจะมอบศพให้ครอบครัวนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง / วันชัย ผิวอร่าม  จังหวัดบุรีรัมย์
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)






-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

ผงะ!! คนหาเห็ดเผ่นป่าราบ! หลังพบกระดูกมนุษย์เกลื่อน กลางป่า

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

ผงะ!! คนหาเห็ดเผ่นป่าราบ! หลังพบกระดูกมนุษย์เกลื่อน กลางป่า 



        วันที่ 19 ก.ย.เฟสบุ๊คชื่อ”เงาะป่า ซาลอน” ได้โพสต์ภาพโครงกระดูกมนุษย์ลงเฟซส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า”งดหาเห็ดไปอีกนานเลยฉัน พบโครงกระดูกน่าจะเป็นผู้หญิงรึป่าว ยังไม่แน่ใจ พบเป็นเสื้อเขียนว่าสาธารณสุข ในเขตป่าสงวนสระสะแก อ.หนองกี่ ตรงหนองสองตะลุกกลางป่า ใครมีญาติหายแจ้งตำรวจเลยเด้อ “และมีการแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก

จากนั้น ร.ต.อ ธีรวัฒน์ ราชคีรี รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.หนองกี่ บุรีรัมย์ พร้อมกำลังรุดไปตรวจสอบตามจุดที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลหนองกี่ 

ที่เกิดเหตุเป็นป่าสงวนสาธารณะบ้านสระเเก ต.บุกกระสัง เนื้อที่กว่า 400 ไร่ โดยป่าสงวนดังกล่าว ห่างจากถนนเส้น 24 สายโชคชัย-เดชอุดม ประมาณ 2 กม. โดยเจ้าหน้าที่พบกระดูกท่อนขา กะโหลกศีรษะ เศษผมจำนวนมาก และพบเสื้อช๊อป ตรวจสอบละเอียดพบกระเป๋าเสื้อมีตราสัญญาลักษณ์ของกระทรวงสาธารณะสุข กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบสีขาว 1 ข้าง

จากการสอบถามชาวบ้านที่มาหาเห็ดในพื้นที่ป่าสงวน เล่าว่าผู้พบศพคนแรกเป็นชายต่างถิ่นที่มาหาน้ำผึ้งป่า ได้วิ่งมาบอกว่าเจอหัวกระโหลกมนุษย์ พวกตนเองที่มาหาเห็ดอีกหลายคน จึงเดินเข้าไปดูก่อนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

โดยเบื้องต้นสันนิษฐานว่าโครงกระดูกดังกล่าวน่าจะเป็นผู้หญิง ลักษณะเหมือนสาวหล่อ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะประสานท้องที่ สภ.ใกล้เคียงว่ามีรับแจ้งบุคคลสูญหายหรือไม่เพื่อนำมาประกอบสำนวน หาสาเหตุของการเสียชีวิตต่อไป.





ภาพ /ข่าว   ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง  / วันชัย ผิวอร่าม   จังหวัดบุรีรัมย์
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)






-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

ระทึก!ไล่ล่าพ่อค้ายาบ้าข้ามจังหวัดของกลางเกือบหมื่นเม็ด

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

ระทึก!ไล่ล่าพ่อค้ายาบ้าข้ามจังหวัดของกลางเกือบหมื่นเม็ด


       ชุดพิทักษ์บุรีรัมย์ ไล่ล่าพ่อค้ายาบ้าที่นำยาบ้ามาส่งลูกค้า จ.บุรีรัมย์ ก่อนไหวตัวขับเก๋งซิ่งหนีข้าม 3 จังหวัด บุรีรัมย์-สุรินทร์-มหาสารคาม ตามรวบคาเก๋งได้ 1 ราย หลบหนี 2 ราย ยึดรถเก๋ง1 คัน ยาบ้าร่วม 10,000 เม็ด สารไอซ์เกือบ 2 ขีด

บุรีรัมย์ / เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 18 ก.ย.61 ที่หน้ากองบังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายประภาส รักษาทรัพย์ รองผู้ว่าฯบุรีรัมย์ ,พล.ต.ต.ชัยยุทธ เจียรศิริกุล ผลก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ,พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ,พ.ต.อ.กรธัช  อู๊ดเจริญ  ผกก.สภ.บ้านด่าน ,พ.อ.เสน่ห์ ไกรจันทร์ รองเสนาธิการ มทบ.26 ,พ.ต.ท.สมยศ พื้นชัยภูมิ หัวหน้า ศอ.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ แถลงข่าวผลงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ร่วมกับ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3 , สภ.บ้านด่าน ,ตชด.215,สภ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ,เจ้าหน้าที่ทหาร ขกท.ศปก.ทภ.2, ชุด ตข.หน่วย ขกท.กกล.สุรนารี, ทหารการข่าว มทบ.26,เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จ.บุรีรัมย์ ,ฝ่ายปกครอง อ.นางรอง, ฝ่ายปกครอง อ.หนองกี่ และร้อย อส.จ.บุรีรัมย์ ได้ดำเนินการจับกุมตัว นายประไม สุขรักษา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 8 ต.หนองแก้ว อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า 5 มัด จำนวน 9,985 เม็ด สารไอซ์ 2 ถุง รวมน้ำหนักประมาณ 182 กรัม รถยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิฟ สีขาว 1 กณ 3421 กรุงเทพฯ จำนวน 1 คัน ,โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ,บัตรประจำตัวประชาชนของ นายศิลาชัย ไกรมนตรี กับ น.ส.จิราพร พิลา และเอกสารที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง หลังพบนายประไม พร้อมพวกที่หลบหนีขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว นำยาเสพติดมาวางไว้บริเวณใต้ท่อคอนกรีต ห่างจากหลักกิโลเมตรประมาณ 10 เมตร ถนนบุรีรัมย์-สตึก ฝั่งมุ่งหน้า อ.สตึก ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ แล้วขับหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายประไม พร้อมรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุได้ที่บริเวณถนนใน อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม แล้วนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมยังที่ทำการ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ก่อนควบคุมส่งพนักงานสอบสวนเวร สภ.บ้านด่าน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายประไม ให้การยอมรับสารภาพว่าตนรู้จักนายศิลาชัย หรือต้น ไกรมนตรี ซึ่งตนเคยรู้จักเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา สมัยตนทำงานส่งที่นอนอยู่ จ.นนทบุรี และเมื่อตนออกจากงานก็ยังได้โทรศัพท์ติดต่อกับนายศิลาชัยอยู่เรื่อยๆ ก่อนถูกจับกุมประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่ามา นายศิลาชัยได้โทรศัพท์มาถามตนว่าอยากมีเงินใช้ไหม โดยจะวานให้มาช่วยขับรถนำยาบ้าไปส่งให้ลูกค้าให้หน่อย แต่ยังไม่บอกค่าจ้างและจะให้หลังจากเสร็จงานตนจึงตอบตกลง ซึ่งนายศิลาชัย ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สวิฟ สีขาว มาพร้อมกับ น.ส.น.ส.จิราพร แฟนสาวมารับตนที่บ้านพัก จากนั้นเมื่อออกจากตัวเมือง จ.อำนาจเจริญ ตนเป็นคนขับมุ่งหน้าไป จ.อุบลราชธานี จ.ศรีสะเกษ อ.รัตนะบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม แล้วมุ่งหน้าเข้า จ.บุรีรัมย์ อ.สตึก และเมื่อผ่าน อ.บ้านด่าน มาเล็กน้อยนายศิลาชัยสั่งให้ตน ขับวนกลับมุ่งหน้าไป อ.สตึก แล้วให้จอดหลักกิโลเมตรที่ 127 จากนั้นนายศิลาชัยได้นำยาบ้าไปวางไว้ที่หลักกิโลดังกล่าว พอขับไปถึงป้ายบอกชื่อหมู่บ้านหัวถนน ห่างจากจุดเดิมอีกหน่อย นายศิลาชัย ก็นำยาบ้าลงไปวาง จากนั้นตนได้ขับเลี้ยวรถขับมุ่งหน้าไปทางตัวเมืองบุรีรัมย์อีกครั้ง เมื่อถึงหลักกิโลที่ 128 ซึ่งเป็นจุดซ่อมแซมถนน นายศิลาชัยได้สั่งให้ตนขับรถกลับรถมุ่งหน้าไปทาง อ.สตึกอีกครั้ง และจอดบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 128 จากนั้นนายสิลาชัยได้นำยาบ้าที่บรรจุอยู่ในถุงสีดำ ไปวางที่ปากท่ออยู่ห่างจากหลักกิโลประมาณ 10 เมตร ส่วนตนได้เดินลงมาปัสสาวะใกล้ๆกับจุดที่นายศิลาชัยนำยาบ้ามาวางไว้ ก่อนจะขับรถออกไปตามคำสั่งของนายศิลาชัย
นายประไม ให้การต่อว่าจากนั้นนายศิลาชัย ได้โทรศัพท์ติดต่อลูกค้าที่จะมารับยาเสพติด แล้วให้ตนขับรถวนดูตามจุดที่นำยาบ้ามาวางไว้หลายรอบ ก่อนจะมีรถยนต์กระบะสีดำขับตามมาแซงขวา แล้วขับเบียดรถให้ตน ขณะนั้นนายศิลาชัยได้บอกว่าตำรวจตามมา พร้อมสั่งให้ตนเหยียบคันเร่งขับหลบหนีให้เร็วที่สุด พอขับมาถึงตัว อ.สตึก ได้ขับเข้าซอยข้างปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพื่อจอดให้ น.ส.จิราพร ลงจากรถเพื่อหลบหนี จากนั้นตนขับออกถนนเส้นหลักถึงแยกสัญญาณไฟแดง ได้ชะลอรถให้นายศิลาชัยลงจากรถหลบหนี ส่วนตนได้ขับรถขึ้นสะพานมุ่งหน้าไป จ.มหาสารคาม และถูกตำรวจตามทันจับกุมตัวได้ที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม
พล.ต.ต.ชัยยุทธ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร ปกครอง ได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา ทั้งค้าและเสพยาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง กระทั่งสืบสวนทราบว่าจะมีการขนลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน นำมาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ จึงวางแผนจับกุมดังกล่าว โดยได้มีการวางกำลังดักซุ่มตามจุดในเส้นทางต่างๆ  ของถนนสายบุรีรัมย์-สตึก และพบว่าจุดที่ พ.ต.ท.นิวัฒน์ อาทวัง เฝ้าอยู่ได้สังเกตุเห็นรถยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สวิฟ สีขาว แล้วมีคนขับกับคนนั่งข้างเดินลงมา โดยคนนั่งข้างได้ถือวัตถุสีดำมาวางไว้บริเวณปากท่อใกล้หลักกิโลเมตร ส่วนคนขับได้ลงมาปัสสาวะอยู่ใกล้ๆ เมื่อทั้ง 2 ขึ้นรถออกไป พ.ต.ท.นิวัฒน์ ได้เขาไปตรวจสอบวัตถุสีดำดังกล่าว พบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายใน จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในจุดต่างๆ ไล่ล่าติดตามและสามารถจับกุมตัวได้ที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ส่วนผู้ต้องหาที่มาด้วยคือ นายศิลาชัย กับ น.ส.จิราพร จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าตรงตามที่นายประไมให้การไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการติดตัวตัวเพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการอีก 2 รายที่หลบหนี มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย  และร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย”





ภาพ / ข่าว ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง  /  วันชัย ผิวอร่าม  จังหวัดบุรีรัมย์
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)






-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

เขื่อนสิรินธรมอบก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอำเภอบุณฑริก

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

เขื่อนสิรินธรมอบก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอำเภอบุณฑริก
   


      วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๑ นายชัยวุฒิ  หลักเมือง ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒ พร้อมด้วยนายธนภัทร ฉัตรสุวรรณ หัวหน้ากองโรงไฟฟ้าเขื่อนสิรินธร (กธอ-ฟ.) และผู้บริหาร-ผู้ปฏิบัติงานเขื่อนสิรินธร  ร่วมมอบก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า จำนวน ๖,๓๐๐ ก้อน ให้กับผู้เสียสละจากการสร้างเขื่อนสิรินธร กลุ่มนายวิชัย  วงษาชัย ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน บ้านทรายทอง และบ้านแสงอุดม ต.คอแลน อ.บุญฑริก จ.อุบลราชธานี เพื่อส่งเสริมอาชีพ เพิ่มรายได้ ชุมชนรอบเขื่อนสิรินธร  ณ ฟาร์มเพาะเห็ด บ้านโนนจิก ต.ฝางคำ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
     จากนั้น ได้พบปะเยี่ยมเยียนโรงเรียนบ้านโนนจิก และโรงเรียนบ้านฝางคำ ต.ฝางคำ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี





ภาพ/ข่าว
นายนที ศรีสมรรถการ
ตำแหน่ง พนักงานวิชาชีพ  ระดับ 8
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)






-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

บุรีรัมย์-แบ่งเนื้อวัวไม่ลงตัวมือเพชฌฆาต คว้ามีดปาดคอ ดต.เลือดอาบ!! เผยมือมีดมีหมายจับพยามฆ่า 3 หมาย

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

บุรีรัมย์-แบ่งเนื้อวัวไม่ลงตัวมือเพชฌฆาต คว้ามีดปาดคอ ดต.เลือดอาบ!!  เผยมือมีดมีหมายจับพยามฆ่า 3 หมาย


เกิดเหตุสยองคาซากวัว ฆ่าวัวแบ่งขายกลางหมู่บ้าน ลูกเขยเจ้าของวัวไม่พอใจดาบตำรวจที่มายืนร่วมวง ใช้มีดปาดเนื้อเชือดคอดาบตำรวจเลือดอาบสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ระหว่างทางรถนำส่งกลับเกิดอุบัติเหตุซ้ำ สุดท้ายไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เผยมือมีดมีหมายจับพยายามฆ่ามาแล้ว 3 หมายตำรวจคุมตัวสอบดำเนินคดี
วันที่ 19 ก.ย. 61 พ.ต.ท.อานาจักร พานนท์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.หนองบัว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธมีทำร้ายกันได้รับบาดเจ็บกลางทุ่งนาบ้านโคกเมือง หมู่ 6 ต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพ
ที่เกิดเหตุบริเวณแคร่ในสวนทุ่งนา พบคราบเลือดเปื้อนทั่วบริเวณแคร่ไม้ พบกองเนื้อวัวที่แบ่งกันเป็นกองไว้ขาย(ชาวบ้านเรียกว่าแบ่งพูดเนื้อ)ที่มีชาวบ้านมาจองเอาไว้แล้ว
ทราบต่อมาผู้ที่ถูกส่งไปโรงพยาบาลก่อนหน้านี้คือ ดาบตำรวจ เลิศสมบัติ วันโท ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม สภ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากถูกของมีคมบาดคอเป็นแผลฉกรรจ์
ทราบต่อมาผู้ก่อเหตุใช้มีดปาดคอดาบตำรวจเลิศสมบัติ คือนายสำเนียง บุญประคม อายุ 44 ปี เป็นชาวจังหวัดหนองบัวลำพู และมาเป็นลูกเขยของเจ้าของวัวที่ถูกชำแหละแบ่งพูดขาย ซี่งไม่ได้หลบหนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจในที่เกิดเหตุ
สอบถามนายประสิทธิ์ ทรงประโคน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ทราบว่า ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีวัวล้มตายในทุ่งนา เมื่อตรวจสอบพบว่าวัวถูกเชือกพันคอตาย ไม่ได้เกิดจากโรคระบาด จึงอนุญาตให้มีการชำแหละได้จากนั้นชาวบ้านจึงมาจองการแบ่งกองเนื้อวัวเป็นจำนวนมาก
จากคำบอกเล่าของกลุ่มผู้ชำแหละเนื้อ ระหว่างการชำแหละได้มีชาวบ้านมามุงดูประมาณ 10 คน ในจำนวนนั้นมีดาบตำรวจเลิศสมบัติ ร่วมวงด้วย โดยมีนายสำเนียง ซึ่งเป็นลูกเขยเจ้าของวัวเป็นมือชำแหละ
โดยมีการดื่มสุราควบคู่ไปกับการชำแหละเนื้อ เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ต่างคนต่างมีอาการเมาสุรา จากนั้นนายสำเนียง และดาบตำรวจเลิศสมบัติ ได้มีการโต้เถียงกันเบาๆ จนกระทั่งกลุ่มคนชำแหละเหลืออยู่ประมาณ 5 คน
ทันใดนั้นนายสำเนียง ได้วิ่งเข้าไปชกต่อยกับดาบตำรวจเลิศสมบัติ เกิดกันต่อสู้กันล้มกลิ้งไปมา ก่อนที่นายสำเนียง ซึ่งมีมีดอยู่ในมือปาดคอดาบตำรวจเลิศสมบัติ จนดิ้นต่อหน้าเพื่อนร่วมชำแหละก่อนที่จะถูกหามส่งโรงพยาบาลประโคนชัย
ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ยังเล่าด้วยว่า ระหว่างที่รถของคนในหมู่บ้านรีบนำผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ได้เกิดเหตุไปชนกับรถตู้ จนรถพังเสียหายยับทั้งสองคัน จึงแจ้งให้ทางรถโรงพยาบาลประโคนชัย มารับตัวดาบตำรวจเลิศสมบัติ ไปจนกระทั่งทราบต่อมาว่าเสียชีวิตแล้ว
ตำรวจตรวจสอบประวัติ นายสำเนียง บุญประคม พบว่ามีหมายจับคดีพยามฆ่าถึง 3 หมาย ก่อนจะนำตัวควบคุมตัวเพื่อรอการสอบสวนที่ สภ.บ้านบัว เบื้องต้นตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ก่อนจะส่งศพไปพิสูจน์ที่โรงพยาบาลสุรินทร์อีกครั้ง





ภาพ /ข่าว  ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง  /  วันชัย ผิวอร่าม  จังหวัดบุรีรัมย์
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)






-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

“บิ๊กอู๋”ตรวจฝึกอาชีพผู้มีรายได้น้อยที่เพชรบูรณ์ มั่นใจผู้ฝึกจบเกินครึ่งมีงานทำ

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

“บิ๊กอู๋”ตรวจฝึกอาชีพผู้มีรายได้น้อยที่เพชรบูรณ์ มั่นใจผู้ฝึกจบเกินครึ่งมีงานทำ


รมว.แรงงาน ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ติดตามความคืบหน้าโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยฯ พร้อมมอบเครื่องมือช่างชุมชน นำความรู้ ทักษะไปต่อยอดประกอบอาชีพ กำชับหัวหน้าส่วนในสังกัดบูรณาการทำงานรูปแบบประชารัฐ ให้ทันเวลา มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ มั่นใจกลุ่มเป้าหมาย มีอาชีพ มีงานทำ รายได้เพิ่มอย่างยั่งยืน

 เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินการฝึกอาชีพโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้และความมั่นคงในชีวิต ณ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โดยในช่วงเช้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงาน ณ ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานเพชรบูรณ์ โดยกล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานบูรณาการดำเนินงานร่วมกัน ทั้งหน่วยงานภายใน และหน่วยงานภายนอกในรูปแบบประชารัฐ เพื่อให้การดำเนินการของโครงการฯ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ และเป้าหมายไว้ได้ทันตามเวลาที่กำหนด มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ขณะเดียวกันต้องมีการติดตามผลการดำเนินการเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมโครงการของกระทรวงแรงงาน เมื่อผ่านการฝึกแล้วจะต้องมีอาชีพ มีงานทำ มีทักษะฝีมือ มีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีหลักประกันทางสังคมและความมั่นคงในชีวิต

โอกาสเดียวกันนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ฯ และคณะ ยังได้ตรวจเยี่ยมผู้ฝึกอาชีพฯ ในหลักสูตรช่างชุมชน 1 รุ่น อาหารไทย 2 รุ่น ขนมไทย 2 รุ่น ของว่างและน้ำสมุนไพร 1 รุ่น รวมจำนวนกว่า 140 คน
และมอบเครื่องมือช่างประจำชุมชน 2 รุ่น จำนวน 40 คน เยี่ยมชมการออกบูธฝึกอาชีพของกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน ได้แก่ กลุ่มสานตะกร้าด้วยเชือกพลาสติก ของตำบลซับเปิบ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจัดแสดง อาทิ เปล กระเป๋า เข่งมะขามหวาน เป็นต้น ปัจจุบันมีสมาชิก 23 คน กลุ่มส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ ได้แก่ กลุ่มหัตถกรรมหญ้าแฝกของตำบลท้ายดง อ.วังโป่ง      จ.เพชรบูรณ์ ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจัดแสดง อาทิ หมวก พัด พานพุ่ม กล่องเอนกประสงค์ เป็นต้น ปัจจุบันมีสมาชิก 20 คน นอกจากนี้ รมว.แรงงาน ยังได้เยี่ยมชมการออกบูธของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน อาทิ การบริการคนหางานผ่านตู้ Job box การสาธิตการฝึกอาชีพ การให้คำปรึกษากฎหมายแรงงาน และการรับสมัครมาตรา 40 เป็นต้น จากนั้นตรวจเยี่ยมการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานสาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร จำนวน 15 คน ตรวจเยี่ยมการฝึกฝีมือเพื่อเตรียมเข้าทำงานสาขาช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ จำนวน 15 คน

จากนั้นช่วงบ่าย พล.ต.อ.อดุลย์ฯ และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมการฝึกอาชีพตัดผมของตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 21 นาย ณ วิทยาลัยสารพัดช่างเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง สนพ.เพชรบูรณ์ ตำรวจภูธรจังหวัดและวิทยาลัยสารพัดช่างเพชรบูรณ์ และเยี่ยมชมกิจกรรมส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระแก่กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นการจักสานภาชนะจากไม้ไผ่ เช่น พัด หวดนึ่งข้าว กระติ๊บข้าว ไม้กวาด เป็นต้น ปัจจุบันมีสมาชิก 12 คน ณ วัดโพธิ์สว่าง หมู่ 8 ต.น่างั่ว อ.เมือง  จ.เพชรบูรณ์ 

สำหรับสถานการณ์ด้านแรงงานของจังหวัดเพชรบูรณ์  ปัจจุบันมีกำลังแรงงาน 486,421 คน เป็นผู้มีงานทำ 476,873 คน ว่างงาน 6,296 คน คิดเป็นอัตรา 1.29 % ผู้รอฤดูกาล 3,253 คน มีสถานประกอบการทั้งสิ้น 2,764 แห่ง มีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานทั้งสิ้น 8,771 คน ส่วนโครงการฝึกอาชีพผู้มีรายได้น้อยฯ มีเป้าหมายดำเนินการทั้งสิ้น 8,463 คน ดำเนินการแล้ว 7,148 คน คิดเป็นร้อยละ 84.46 ส่วนภาพรวมทั้งประเทศ ณ วันที่ 15 ก.ย.61 ดำเนินการแล้ว 266,308 คน จากเป้าหมาย 412,741 คน








ภาพ/ข่าว : รัตน์ ไบร์ท 20
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)






-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------