กอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น ร่วมชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น (ชุดพยัคฆ์) จับกุมแก๊งลักรถจักรยานยนต์ ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ได้ผู้ต้องหา และของกลางเพียบ

กอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น ร่วมชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น (ชุดพยัคฆ์) จับกุมแก๊งลักรถจักรยานยนต์ ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ได้ผู้ต้องหา และของกลางเพียบ


ภายใต้การอานวยการของ พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.๔ , พลตรี กาจบดินทร์
ยิ่งดอน
รองผอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ.๔ พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคาไพ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น , พล.ต.อัครเดช บุญเทียม ผบ.มทบ..23 , นายฉัตรชัย อุ่นเจริญ นายอำเภอเมืองขอนแก่น , พ.ต.อ.นพดล เพ็ชรสุทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น , พ.ต.อ.จาลอง สุวลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ,
พ.อ.พิทักษ์พล ชูศรีหน.กกล.รส.จว.ขอนแก่น
หัวหน้าชุดจับกุม พ.ต.ท.เอกลักษณ์ บุญแสงเจริญ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองขอนแก่น , พ.ต.ท.วิษณุ จันทรพล สว.สส.สภ.เมืองขอนแก่น , พ.ต.ต.วงศกร วันชัย สว.สส.สภ.เมืองขอนแก่น , ร.ต.อ.ณัฐดนัย สีแข่ไตร , ร.ต.ท.จักรกฤต พ่อชมภู , พร้อมเจ้าหน้าที่ชุด สืบสวน.สภ.เมืองขอนแก่น
วันเดือนปีที่จับกุม วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๑
สถานที่เกิดเหตุ คนร้ายก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ตามลานจอดรถ,หอพัก,ห้างสรรพสินค้า ในเขต ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น ได้ร่วมกันจับกุมตัว
                        
๑.นายวีรภัทรหรือคิงส์ ผิวเหลือง อายุ ๓๒ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๔๘/๓ ม.๑ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ๒.นายเกรียงไกรหรือเบิ้ม ในจิตร อายุ ๔๖ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๔/๓ ม.๔ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ๓.นายทรงวุฒิหรือเอ๊ะ สมแพง อายุ ๓๓ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๓๓๔ ม.๘ ต.พระลับ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ๔. นางหนูภาพ สอนอ่อน อายุ ๕๐ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๓๒ ม.๒ ต.นาซ่าว อ.เชียงคาน จ.เลย
๕. นายสนธยา แพงร้อย อายุ ๓๐ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๕๖/๑ ม.๓ ต.นาซ่าว อ.เชียงคาน จ.เลย
๖. นายพลวัฒน์ พลสุพี อายุ ๒๓ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๔๓ ม.๖ ต.วังปลาป้อม อ.นาวัง จ.หนองบัวลาภู ในข้อหา“ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการพาทรัพย์นั้นไปหรือรับของโจร”
พฤติการณ์ในการจับกุม ในห้วงปี ๒๕๖๑ เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับแจ้งเหตุ รถจักรยานยนต์ หายในพื้นที่ ต.ในเมืองขอนแก่น อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เป็นจานวนมาก จึงได้ทาการวิเคราะห์ พฤติการณ์การก่อเหตุ ของคนร้ายจนกระทั่ง ทราบว่าคนร้ายมักจะขับขี่รถจักรยานยนต์ตระเวน ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ตามลานจอดรถ หรือหอพัก ที่มีรถจอดอยู่จานวนมาก จากนั้นจะทำการตรวจสอบว่ามีรถจักรยานยนต์คันใดได้เสียบกุญแจทิ้งไว้ที่รถ หรือไม่ หากมีการเสียบกุญแจทิ้งไว้ จะทำการ ขับขี่ออกมาทันที หากไม่ได้เสียบกุญแจทิ้งไว้ จะทำการตรวจสอบหารถที่ไม่ได้ล็อคคอ รถ เมื่อพบรถเป้าหมาย คนร้าย ๑ คน จะทำการเข็นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวออกมาจากจุดที่จอด เมื่อมาถึงจุดนัดหมาย คนร้ายที่เข็นรถจักรยานยนต์ออกมา จะขึ้นไปนั่งคร่อมบนรถ รอคนร้ายคนที่ ๒ ที่จะทำการขับขี่รถจักรยานยนต์ของตนเอง มาทำการใช้เท้าซ้ายถีบบริเวณท่อไอเสีย หรือที่พักเท้าของรถคันที่คนร้ายคนที่ ๑ ที่นั่งคร่อมรถรออยู่ เมื่อรถทั้งสองคันเคลื่อน ตัวได้ ทั้งคู่จะขับขี่หลบหนีไปตามเส้นทางที่เปลี่ยวปลอดผู้คน โดยมักจะมุ่งหน้าไปยัง เขต ต.เมืองเก่า นั้น
เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๑ ชุดสืบสวนได้ทำการสืบทราบมาว่า คนร้ายได้ลักเอารถจักรยานยนต์ไปเก็บไว้ ที่ บ้านพักแห่งหนึ่ง ในชุมชนการเคหะ ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ นาง หนูภาพฯ , นายสนธาฯ , นายพลวัฒน์ฯ กาลังขนย้ายรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้าย ขึ้นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซู ทะเบียน บพ ๗๑๔ เลย ของนางหนูภาพฯ เจ้าหน้าที่ตารวจจึงได้ทำการตรวจสอบ ปรากฏว่า รถจักรยานยนต์ที่กำลังขนย้ายนั้น เป็น รถที่ถูกลักมา จริง จึงได้ทำการจับกุมตัว นางหนูภาพฯ , นายสนธยาฯ , นายพลวัฒน์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน ทั้ง ๓ คนให้ การรับสารภาพ ว่า นางหนูภาพฯ เป็นผู้ติดต่อซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งหมดมาจากนายหน้า (อยู่ในระหว่างออกหมายจับ) จากนั้นจะนำรถมาจอดซุกซ่อนไว้ที่บ้านพัก หลังดังกล่าว เมื่อมีรถจักรยานยนต์ครบตามคาสั่งของนายทุน นางหนูภาพฯ จะ ทำการว่าจ้าง วัยรุ่น ที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันมาช่วยขนย้าย หากขนขึ้นรถยนต์ของนางหนูภาพฯ ไม่พอ จะต้องขับขี่ รถจักรยานยนต์ที่เหลือ ไปยัง บ้านของนางหนูภาพ ที่ อ.เชียงคาน จ.เลย อีกด้วย โดยได้รับค่าจ้างครั้งละ ๕๐๐ บาท ซึ่งจะมี นายทุน (อยู่ในระหว่างออกหมายจับ) ที่อยู่ ต.ปากคาด อ.เชียงคาน จ.เลย มารอรับรถ ไปขายต่อที่ สปป.ลาว
                        
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเก็บข้อมูลจากผู้ต้องหาทั้ง ๓ คนแล้ว ทำการขยาย ผล จนกระทั่งทราบว่า ผู้ที่ก่อเหตุ ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ในเขตพื้นที่ จ.ขอนแก่น แล้วนำมาขายให้นางหนูภาพฯ นั้น คือ กลุ่มของนายเกรียงไกรฯ เจ้าหน้าที่ ตารวจจึงได้ติดตามจับกุม นายเกรียงไกรฯ , นายวีรภัทรฯ และนายทรงวุฒิฯ พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ที่ใช้ขับขี่ไปก่อ เหตุ , ชุดที่สวมใส่ในวันที่ก่อเหตุ , แผ่นป้ายทะเบียนจานวน ๑๐ แผ่น ได้ในวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๐ โดยทั้ง ๓ คน ให้การ ว่า กลุ่มของตนจะตระเวน ออกหารถจักรยานยนต์ยี่ห้อ,รุ่น ตามที่นายทุนสั่งการ จากนั้นจะทาการลักโดยใช้วิธีการเข็น รถจักรยานยนต์ออกมา ปรากฏตามรายละเอียดที่กล่าวไปข้างต้น จากนั้น จะไปทำการถอดทะเบียนทิ้ง แล้วนาไปเปลี่ยน กุญแจ และส่งมอบรถให้นายเกรียงไกรฯ นาไปขาย จากนั้นจะนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเนื่องจากไม่ได้ ประกอบอาชีพใดๆ ทั้งสามคนให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ในเขตพื้นที่เมืองขอนแก่นมาแล้วกว่า๕๐คัน
จากพฤติการณ์ข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น สามารถจับกุมคนร้ายในกระบวนการได้ ทั้งหมด ๖ คน สามารถตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ได้ ๑ คัน รถจักรยานยนต์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๘ คัน แผ่นป้ายทะเบียนที่ คนร้ายนำไปทิ้ง จำนวน ๑๐ แผ่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว : เจมส์ กอ.รมน.ขอนแก่น
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมใจประชาชน)

บุรีรัมย์-ลูกเมียแรงงานไทยไต้หวันเหยื่อเพลิงไหม้วิตกเสียเสาหลักของครอบครัว

บุรีรัมย์-ลูกเมียแรงงานไทยไต้หวันเหยื่อเพลิงไหม้วิตกเสียเสาหลักของครอบครัว

                              แรงงานไทยเหยื่อไฟไหม้โรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้า ที่ไต้หวัน ลูกๆและภรรยาที่บุรีรัมย์ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยเป็นครอบครัวยากจน อยากจะไปหาเงินต่างถิ่นมาจุนเจือ ภรรยาเศร้าสินเสาหลักของครอบครัวต้องแบกหนี้ 2 แสน และลูกอีก 4 คน
วันที่ 30 เม.ย. กรณีการเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานชินพูน (CHIN POON INDUSTRIAL) โรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้า (PCB) รายใหญ่ของโลก ตั้งอยู่ที่เขตผิงเจิ้น เทศบาลพิเศษเถาหยวน ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของไต้หวัน เมื่อเวลา 21.26 น. ในวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา
ทำให้มีตำรวจดับเพลิงเสียชีวิตถึง 5 นาย บาดเจ็บอีก 2 นาย และมีแรงงานไทยเสียชีวิต 2 ราย ซึ่งหนึ่งในสองรายคือนายเทิดศักดิ์ บุรัมสูงเนิน อายุ 42 ปี ชาวบ้านไม้แดง หมู่ 3 ต.ชุมแสง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
จากการตรวจสอบบ้านพักผู้เสียชีวิตที่ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เป็นบ้านไม้สองชั้นยกสูง สภาพเก่า มีชาวบ้านมาให้กำลังใจครอบครัวนายเทิดศักดิ์ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน
น.ส.จันทา หวังอยู่ อายุ 42 ปี ภรรยานายเทิดศักดิ์ บอกว่า สามีไปเดินทางไปทำงานเมื่อเดือนธันวาคม 60 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเดินทางไปเป็นครั้งที่ 2 สาเหตุที่ไปทำงานไต้หวัน เพราะมีคนชวนไปทำ โดยผ่านบริษัทจัดหางานถูกต้อง มีค่าใช้จ่ายประมาณ 70,000 บาท
หลังจากกลับมาครั้งแรกใช้หนี้ค่าเดินทางได้ และซื้อรถไถเดินตามได้ 1 คัน แต่ยังไม่มีเงินเก็บ จึงอยากจะไปทำงานอีกรอบ เพื่อหวังจะมีเงินใช้หนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.)ซึ่งมีหนี้อยู่กว่า 200,000 บาทแต่ไม่คิดว่าไปครั้งนี้สามีจะจากไปตลอดกาล
ตอนนี้ถือว่าขาดเสาหลักของครอบครัว โดยเฉพาะต้องเลี้ยงดูลูกอีก 4 คน ตอนนี้อยากให้ทางการช่วยเหลือนำศพกลับมาฌาปนกิจในเมืองไทย และช่วยดำเนินการเกี่ยวกับสวัสดิการต่างๆของแรงงานไทย เพราะครอบครัวไม่มีความรู้
ด้านนางเอียม โสรักนิด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บอกว่าปกติครอบครัวนี้เป็นคนขยันทำมาหากิน มีที่นา 2 ไร่ ส่วนใหญ่จะออกไปรับจ้างทั่วไปในช่วงหลังฤดูทำนา แต่ก็ขัดสน จึงหาวิธีไปทำงานต่างประเทศ เพราะคิดว่าน่าจะได้เงินมากกว่าทำงานในเมืองไทย อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะให้ความช่วยเหลือด้านการประสานงานกับหน่วยงานรัฐ เพื่อนำศพกลับเมืองไทย
ภาพ / ข่าว ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง / วันชัย ผิวอร่าม จ.บุรีรัมย์
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมใจประชาชน)

"พรรคไทยธรรม" พรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ หัวใจประชาธิปไตย เพื่อประชาชน

"พรรคไทยธรรม" พรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ หัวใจประชาธิปไตย เพื่อประชาชน




👉กลุ่มหมอ-นักวิชาการในชื่อกลุ่ม”พรรคไทยธรรม” พรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่หัวใจประชาธิปไตย เดินหน้าการจัดตั้งพรรคเพื่อให้ทันต่อโรดแมปการเลือกตั้งตามที่รัฐบาลกำหนด -27/4/18 เวลา 15.00น. ท่านนายแพทย์กิติกร วิชัยเรืองธรรม รองหัวหน้าพรรคไทยธรรม และ นายอรุณชัย ยะพันธ์ชัย นายทะเบียนสมาชิกพรรคไทยธรรม ได้เดินทางเข้ารับหนังสืออนุมัติให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง จากกองเลขาฯคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก และ หนังสือรับแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง (พ.ก.7/2) จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกรียติแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นหลักฐานใช้ในการประกอบยื่นจัดตั้งพรรคการเมือง โดยในโอกาสเดียวกันได้ร่วมหารือกับ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมพรรคการเมือง ประจำสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงประเด็นต่างๆ โดยสาระสำคัญคือการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการลงคะแนนเสียง แนวทางการวางกรอบนโยบายต่างๆเพื่อไม่ให้ขัดต่อข้อกฎหมายในการจัดตั้งพรรคการเมือง โดยพรรคไทยธรรมมุ่งหวังให้การดำเนินจัดตั้งพรรคของคนรุ่นใหม่ให้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนด เพื่อพร้อมเข้าสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่ที่ทางรัฐบาลวางโรดแมปไว้ ภายใต้สโลแกนพรรค “คุณภาพ คุณธรรม นำสังคมไทย” ต่างกายแต่หัวใจเดียวกัน หัวใจเพื่อประชาธิปไตย
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมใจประชาชน)