ก.แรงงาน จับมือ ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ป้อนงานผู้สูงอายุ สร้างอาชีพ เสริมรายได้

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

ก.แรงงาน จับมือ ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ป้อนงานผู้สูงอายุ สร้างอาชีพ เสริมรายได้

วันนี้ (14 มิถุนายน 2561) ที่ห้องประชุม เทียน อัชกุล ชั้น 10 กรมการจัดหางาน พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรม “สานพลังประชารัฐ สร้างงาน สร้างอาชีพ รองรับสังคมผู้สูงวัย” ระหว่างภาครัฐภาคเอกชน เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพาณิชย์ นายจ้าง/สถานประกอบการ ชุมชนและครอบครัว และภาคีเครือข่ายภาคสังคม เป็นต้น โดยมี นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ร่วมการประชุม
พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานภาคีว่า รัฐบาลได้กำหนดกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย สำหรับผู้สูงอายุ ได้ส่งเสริมให้เป็นพลัง
ในการขับเคลื่อนประเทศ ผ่านการเสริมทักษะการดำรงชีวิต ทักษะอาชีพในการหารายได้ มีงานทำที่เหมาะสมกับศักยภาพ ซึ่งผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ปัจจุบันมีจำนวน 11.35 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.8 ของประชากร
ทั้งชาติ โดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 มุ่งเน้นให้ผู้สูงอายุวัยเกิน 60-69 ปีมีงานทำ
มีรายได้ที่เหมาะสม ขณะเดียวกันแผนผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ.2545-2564) ได้มีมาตรการส่งเสริมด้านการทำงานและหารายได้ของผู้สูงอายุในส่วนของการทำงานเต็มและไม่เต็มเวลาทั้งในระบบและนอกระบบ รวมถึงการฝึกอาชีพและการจัดหางานที่เหมาะสมอีกด้วย
การประชุมในวันนี้เป็นการร่วมกันพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนงานในการสร้างงาน สร้างอาชีพ รองรับสังคมสูงวัย โดยในส่วนของกระทรวงแรงงานนั้นมีภารกิจที่ต้องดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงาน
ทุกช่วงวัยทั้งในระบบและนอกระบบให้มีงานทำ มีความรู้ ความสามารถ มีรายได้ในการประกอบอาชีพ โดยมีหน่วยงานในสังกัดระดับกรมร่วมกันขับเคลื่อนการมีงานทำให้ผู้สูงอายุคือ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กำหนดอัตราค่าจ้างรายชั่วโมง MOU สร้างความร่วมมือระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริม สนับสนุนและคุ้มครองการจ้างแรงงานผู้สูงอายุ ส่วน กรมการจัดหางาน บริการจัดหางานผู้สูงอายุ จ้างงานผู้สูงอายุ
ในภาครัฐ สำรวจข้อมูลผู้สูงอายุที่ต้องการประกอบอาชีพหรือทำงาน ส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ สร้างคุณค่าภูมิปัญญาผู้สูงอายุ ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ 1 อำเภอ 1 ภูมิปัญญา และส่งเสริมการมีงานทำผู้สูงอายุในอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว ขณะที่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จะฝึกอบรมแรงงานสูงอายุ เพื่อเพิ่มโอกาสการประกอบอาชีพ และจ้างพนักงานราชการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาฝีมือแรงงาน
ส่วน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จะมี พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2560 ที่เอื้อต่อการทำงานของผู้สูงอายุ ส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ส่งเสริมสวัสดิการแรงงานสูงอายุเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมออกหน่วยเคลื่อนที่เพื่อให้บริการสวัสดิการด้านการดูแลสุขภาพ ขณะเดียวกัน สำนักงานประกันสังคม จะจัดเตรียมการดำเนินการปรับปรุงระบบประกันสังคมและ
แนวทางการดูแลให้สอดคล้องกับการจ้างงานผู้สูงอายุ
สำหรับประเภทงานที่ผู้สูงอายุทำได้นั้นคือ 1. การทำงานแบบมีนายจ้าง คือ งานบริการ และงานพื้นฐานในอุตสาหกรรมการขายส่ง ขายปลีก อุตสาหกรรมโรงแรมและภัตตาคาร 2. การรับงานไปทำที่บ้าน คืออาชีพที่ทำให้เกิดการสร้างและถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมและงานในอาชีพที่ใช้ความสามารถทางฝีมือ 3. อาชีพอิสระ คือ ที่ปรึกษา อาจารย์ งานบริการด้านสาธารณสุขและกฎหมาย งานบริหาร การบริการชุมชน/สังคมและการรวมกลุ่มทำงานต่างๆ ที่ไม่ต้องพึ่งการจ้างงานจากนายจ้าง ทั้งนี้ ลักษณะงานที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุคืองานที่ทำไม่เต็มเวลา งานที่สามารถปรับเปลี่ยนเวลาในการทำงานปัจจุบันข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า มีผู้สูงอายุประกอบอาชีพเกษตรและประมง ร้อยละ 56.5 พนักงานบริการและจำหน่ายสินค้า ร้อยละ 19.6 ช่างฝีมือและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องร้อยละ 8.6 และประกอบอาชีพอื่นๆ ร้อยละ 7.20
รมว.แรงงาน กล่าวในตอนท้ายว่า การประชุมในวันนี้เป็นรูปแบบประชารัฐ โดยทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งกระทรวงแรงงานมีกำหนด Kickoff ส่งเสริมการมีงานทำให้แก่ผู้สูงอายุในวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในวันนั้นจะเป็นการส่งตัวผู้สูงอายุเข้าทำงานในสถานประกอบการ มีกิจกรรมส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ กิจกรรมการฝึกทักษะฝีมือแรงงาน การให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน มีการรับชิ้นงานของผู้สูงอายุไปทำที่บ้าน และให้บริการสวัสดิการด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งหากผู้สูงอายุใดประสงค์จะทำงานหรือสถานประกอบการใดประสงค์จะรับผู้สูงอายุเข้าทำงาน สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครในเขตพื้นที่ใกล้บ้านท่าน หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506






ภาพ/ข่าว : รัตน์ ไบร์ท 20
......... ..... ..... ..... ..........
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

บุรีรัมย์-สลดพ่อพาลูกชายไปเยี่ยมตา รถจยย.เสียหลักแหกโค้งดับ

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

บุรีรัมย์-สลดพ่อพาลูกชายไปเยี่ยมตา รถจยย.เสียหลักแหกโค้งดับ

ตำรวจสภ.สตึก บุรีรัมย์ รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยวังกรูด อ.สตึก ว่ามีรถจักรยานยนต์แหกโค้งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลสตึก ที่เกิดเหตุเป็นถนนสายบ้านหนองหัวช้าง-บ้านตลาด พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซุกิ สแมส สีดำ ขาวหมายเลขทะเบียน ขษท 385 บุรีรัมย์ ล้มอยู่กลางถนน ใกล้หลักเสาทางโค้งพบศพนายศรุต ธรรมชาติ อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 24 ม.7 ต.ร่อนทอง อ.สตึก นอนเสียชีวิต ในสภาพกะโหลกศรีษะเปิดเลือดไหลนองเต็มพื้นถนน ที่เกิดเหตุยังพบเด็กชายอายุ ประมาณ 5 ขวบ กับ 6 ขวบ ซึ่งเป็นลูกชายผู้เสียชีวิตนอนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ข้างทางตามร่างกายมีแผลถลอก เจ้าหน้าที่กู้ภัยวังกรูดได้เร่งช่วยกันปฐมพยาบาลก่อนส่งไปโรงพยาบาลสตึก 
จากการสอบถามญาตินายศรุต เล่าว่าผู้ตายได้ไปรับลูกจากโรงเรียนหลังจากพาลูกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ได้บอกว่าจะพาลูกชายทั้ง 2 คนไปหาตา ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยคาดว่านายศรุต คงขี่รถจักรยายนต์มาไวซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นทางโค้งอาจจะทำให้รถเกิดเสียหลักชนกับเสาข้างทางจนเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้อีกครั้งหนึ่ง/////////////////





ภาพ/ข่าว ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง / วันชัย ผิวอร่าม จ.บุรีรัมย์
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)
-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

บุรีรัมย์-รอง ผวจ.บุรีรัมย์ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติด ออนไลน์ (มีคลิป)

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

บุรีรัมย์-รอง ผวจ.บุรีรัมย์ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติด ออนไลน์ (มีคลิป)

บุรีรัมย์ / เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 13 มิ.ย.61 นายประภาส รักษาทรัพย์ รอง ผวจ.บุรีรัมย์ พล.ต.ต.ชัยยุทธ เจียรศิริกุล ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.ประยุทธ โพธิ์แก้วกุล รอง ผบก.ฯ นายเกรียงไกร กิริวรรณา นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ แถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างจับกุมยาเสพติด ซึ่งเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ชุดพิทักษ์บุรีรัมย์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 16 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 20,994 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนักรวมประมาณ 31.52 กรัม 
โดยรายแรกเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ รับแจ้งว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมในห้องพักหมายเลข ๖ แสงจันทร์รีสอร์ท ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายสมศักดิ์ หรือกบ อะมะมูล อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ม.8 ต.กลันทา อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมอีก 5 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1,062 เม็ด
จึงได้ทำการขยายผลทราบว่านายสมศักดิ์ ได้สั่งซื้อยาบ้ามาจากนายกิตติพล หรือต้น สังวาลรัมย์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 11 ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ จึงขยายผลล่อซื้อยาเสพติดจาก นายกิตติพล ซึ่งทราบว่ากำลังบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.บ้านด่าน โดยหลวงพี่ต้น ได้ให้เยาวชนอายุระหว่าง 16-18 ปี รวม 3 คน นำยาบ้ามาส่งและถูกจับกุมได้ที่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านนาฝาย หมู่ที่ 6 ต.บ้านด่าน พร้อมยาบ้าจำนวน 192 เม็ด ซึ่งเยาวชนทั้ง 3 คน ให้การซัดทอดว่าได้รับการติดต่อจากหลวงพี่ต้น หรือนายกิตติพล ซึ่งบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.บ้านด่าน ให้ไปเอายาบ้าจากนางเขียว ซึ่งเป็นแม่ของหลวงพี่ต้นที่บ้านพัก ซึ่งนางเขียวได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว นำไปส่งให้ลูกค้าและถูกจับกุมได้ดังกล่าว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังวัดที่หลวงพี่ต้น หรือนายกิตติพล อยู่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่หลวงพี่ต้น ได้วิ่งหนีลงทุ่งนา เจ้าหน้าที่ได้วิ่งตามอย่างกระชั้นชิด รวมระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร และสามารถจับกุมนายกิตติพล หรือพระต้น พร้อมโทรศัพท์มือถือที่ใช้โทรติดต่อซื้อยาเสพติด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อีกชุดได้เข้าจับกุมตัวนางเขียว ตุยรัมย์ อายุ 43 ปี แม่ของหลวงพี่ต้นได้ขณะกำลังจะหลบหนี และพาเข้าตรวจค้นภายในบริเวณบ้านพัก ซึ่งนางเขียวยอมรับว่าได้ซุกซ่อนยาบ้าไว้ที่บริเวณกอไผ่ 202 เม็ด และยาบ้า 566 เม็ด กับยาไอซ์น้ำหนักรวมประมาณ 31.52 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในเล้าไก่หลังบ้านพัก รวมของกลางยาบ้าทั้งสิ้น 960 เม็ด และยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 31.52 กรัม นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.บ้านด่าน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้หลวงพี่ต้น ให้การยอมรับสารภาพว่า ยาเสพติดทั้งหมดได้สั่งซื้อมาจากนายโบ หรือนายโย อยู่ที่ ต.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่จึงทำการขยายผลจับกุม โดยการติดต่อล่อซื้อยาเสพติดจากนายโบ หรือนายโย และสามารถจับกุมตัวนายริว (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ชาว ต.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ พร้อมของกลางยาบ้า 10,006 เม็ด ได้ขณะนำมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่บริเวณหน้าร้านค้า ภายในหมู่บ้านพลวง หมู่ 3 ต.ลำดวน อ.กระสัง ส่วนนายโบ หรือนายโย ได้ไหวตัวทันหลบหนีไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสาวนขยายผลจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายที่ 2 เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.61 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า จะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพตินัดส่งมอบยาเสพติด ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าทวีกิจซูเปอร์เซ็นเตอร์ และสามารถจับกุมตัวนายนิวัฒน์ หรือเอี่ยว เจือจันทร์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 4 ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายธีรยุทธ หรือน้อย วงเวียน อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ที่ 18 ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และนายวรายุ หรือดรีม บุญเพิ่ม อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117/8 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมยาบ้า 2 ถุง ประมาณ 400 เม็ด จากนั้นขยายผลจนทราบว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของนายธีรศักดิ์ หรือฟรุ๊ค ยอดเพ็ชร อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 16 ต.สองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จึงทำการจับกุม นายธีรศักดิ์ ได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ พร้อมยาบ้าอีก 2 ถุง ประมาณ 400 เม็ด ซึ่งนายธีรศักดิ์ ยังให้การยอมรับสารภาพว่ายังมียาบ้าอีก 1 มัดกับ 1 ถุง ซุกซ่อนอยู่ที่บ้านพัก ใน ต.สองห้อง อ.เมือง รวมของกลางยาบ้าทั้งหมด 2,959 เม็ด
และรายที่ 3 เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 61 เจ้าหน้าที่จับกุม น.ส.สุนิสา หรือพิมพ์ เสือเนียม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 หมู่ 8 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา กับนายเพชรรัตน์ หรือเพชร นามวิเศษ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/1 หมู่ 6 ต.ยางใหญ่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พร้อมของกลาง 3 มัด เป็นยาบ้าเม็ดสีส้มแกมแดง 5,947 เม็ด สีน้ำตาล 60 เม็ด รวมยาบ้าทั้งสิ้น 6,007 เม็ด ขณะขับรถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน ขน 3255 ชลบุรี นำยาบ้ามาวางไว้ที่บริเวณโคนเสาไฟฟ้าใกล้หลักกิโลเมตรที่ 111 ถนนบุรีรัมย์-ลำปลายมาศ ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
จากนั้นทำการขยายผลจับกุมผู้ต้องหา ที่ได้สั่งซื้อยาบ้ากับชาวกัมพูชา และจะมารับยาบ้าจำนวนดังกล่าวได้อีก 4 คน รายแรกคือนายราเชนทร์ หรือเชน วงศ์จอม อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 2 ต.สระแก้ว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ กับนายศราวุธ หรือวุธ คำปลิว อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/55 หมู่ 5 ต.ไม้เด็ด อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางยาบ้าเป็นเม็ดสีส้มแกมแดง 1,972 เม็ด ยาบ้าเม็ดสีน้ำตาล 20 เม็ด รวมยาบ้าทั้งสิ้น 1,992 เม็ด และอีกรายคือ นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 5 ต.หนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ กับนายเกษมศักดิ์ หรือแต้ม แซกรัมย์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/2 หมู่ที่ 6 ต.หนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พร้อมของกลางยาบ้าเม็ดสีส้มแกมแดง 994 เม็ด ยาบ้าเม็ดสีน้ำตาล 10 เม็ด รวมยาบ้าทั้งสิ้น 1,004 เม็ด
น.ส.สุนิสา ให้การรับสารภาพว่า ได้มีชายชาวกัมพูชาชื่อล้าน ซึ่งรู้จักกันในแคมป์คนงานก่อสร้าง ที่ตนรับเหมาอยู่ โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาว่าจ้างให้มาเก็บเอายาบ้า ที่มีคนนำมาวางไว้ให้บริเวณเสาไฟฟ้า ริมถนนเขต อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมาตนนำยาบ้ามาส่งให้ลูกค้าที่ จ.บุรีรัมย์ โดยว่างจ้างเป็นเงิน 15,000 บาท และได้จ่ายให้ล่วงหน้าเป็นเงิน 5,000 บาท ส่วนที่เหลือจะโอนให้ภายหลัง จึงได้ชักชวนสามีมาและถูกจับกุมดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ทำเนื่องจากรับเหมาแล้วขาดทุน ทำให้ไม่มีเงินใช้จ่ายจึงตัดสินใจรับจ้างขนยาบ้าดังกล่าว.
ทั้งนี้การจับกุมเครือข่ายผู้กระทาความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทาการตรวจยึด รถยนต์ 2 คัน และรถยนต์จักรยานยนต์ 5 คัน ,แหวนทองคำน้ำหนัก 1 บาท จำนวน 1 วง ,สร้อยคอทองคำรูปพรรณ 3 เส้น อีกจำนวน 9 บาท.






ภาพ/ข่าว ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง / วันชัย ผิวอร่าม จ.บุรีรัมย์
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

ร่วมเสวนาเชิงปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน OTOP บ้านโนนหินกอง

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

ร่วมเสวนาเชิงปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน OTOP บ้านโนนหินกอง

วันที่ 13 มิถุนายน 2561 นายนที ศรีสมรรถการ หัวหน้างานประชาสัมพันธ์ฯ เขื่อนสิรินธร ร่วมเสวนาเชิงปฏิบัติการ ในหัวข้อ "การออกแบบและพัฒนาภูมิทัศน์ด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชน" ตามโครงการออกแบบพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชน ผ่าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว (OTOP Village) 8 เส้นทาง ของกลุ่มแพท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ลำโดมน้อย ท้ายเขื่อนสิรินธร บ้านโนนหินกอง ต.นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ณ ศาลาประชาคมบ้านโนนหินกอง ต.นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี 
การเสวนาเชิงปฏิบัติการ นี้ เป็นการสรุปผลการดำเนินงานตามโครงการฯ หลังจากการฝึกอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจ รวบรวม เชื่อมโยงอัตลักษณ์ และสร้างการมีส่วนร่วมชุมชน เพื่อให้แนวทางการดำเนินงานแก่คณะกรรมการบริหารกลุ่มฯ , ผู้นำกลุ่มองค์กร , ผู้ประกอบการแพท่องเที่ยว และชาวบ้านโนนหินกอง กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 45 คน ร่วมวางแผนกำหนดทิศทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนในการวางแผนงานสนับสนุน ออกแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยการออกแบบและพัฒนาภูมิทัศน์ด้วยการมีส่วนร่วม เมื่อวันที่ 12-13 มิถุนายน 2561 ในการกำหนดแนวทางการพัฒนาหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP Village กลุ่มแพท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ลำโดมน้อย ท้ายเขื่อนสิรินธร บ้านโนนหินกอง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการแพท่องเที่ยว ไม่ต่ำกว่า 100 ลำ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอสิรินธร โดยมี นายสนอง มะลัยขวัญ นายอำเภอสิรินธร เป็นประธานฯ และคณะทำงานดำเนินโครงการหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว 8 เส้นทาง จังหวัดอุบลราชธานี จากส่วนราชการอำเภอสิรินธร , องค์การส่วนท้องถิ่น , กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ต.นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ร่วมกิจกรรม
                         




ภาพ/ข่าว
นายนที ศรีสมรรถการ
ตำแหน่ง พนักงานวิชาชีพ ระดับ 8
บุญสี ศรีกุล
ผู้สื่อข่าวสยามไทยแลนด์ นิวส์
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)
-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

อดีตผู้ว่าการ กฟผ. มอบจักรยานแก่กลุ่มบริการจักรยานท่องเที่ยวเขื่อนสิรินธร

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

อดีตผู้ว่าการ กฟผ. มอบจักรยานแก่กลุ่มบริการจักรยานท่องเที่ยวเขื่อนสิรินธร

วันที่ 13 มิถุนายน 2561 นายกรศิษฎ์ ภัคโชตานนท์ อดีตผู้ว่าการ.กฟผ. และผู้บริหาร กฟผ. พร้อมทั้่งนายธนภัทร ฉัตรสุวรรณ หัวหน้ากองโรงไฟฟ้าเขื่อนสิริธร และผู้บริหาร-ผู้ปฎิบัติงานเขื่อนสิรินธร ร่วมมอบจักรยาน จำนวน 35 คัน แก่กลุ่มบริการจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวเขื่อนสิรินธร บ้านหัวสะพาน ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี สำหรับเป็นพาหนะให้บริการแก่นักท่องเที่ยวปั่นชมบรรยากาศ ทัศนียภาพ ภายในเขื่อนสิรินธร ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ตามโครงการเขื่อนสิรินธรโมเดล โดยมีนางสำเนียง วิริยกุล ผู้ใหญ่บ้านหัวสะพาน และสมาชิกกลุ่มฯ ร่วมรับมอบ ณ จุดเช็กอินเขื่อนสิรินธร




ภาพ/ข่าว
นายนที ศรีสมรรถการ
ตำแหน่ง พนักงานวิชาชีพ ระดับ 8
บุญสี ศรีกุล
ผู้สื่อข่าวสยามไทยแลนด์ นิวส์
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)
-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

กรมควบคุมโรค ลงพื้นที่ติดตามผลการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในชุมชนจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

กรมควบคุมโรค ลงพื้นที่ติดตามผลการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในชุมชนจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและศึกษาการดำเนินงานแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม กรณีขยะอิเล็กทรอนิกส์ ในพื้นที่ ต.โคกสะอาด อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ชี้ อ.ฆ้องชัย เป็นตัวอย่างการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอแบบรูปธรรม ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เน้นการบูรณาการจัดการปัญหาแบบครบวงจรทุกภาคส่วน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาทั้งด้านคน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจครัวเรือน โดยภาครัฐที่เกี่ยวข้องสนับสนุน ร่วมวางแผน มีการเฝ้าระวังและตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีการเฝ้าระวังสารโลหะหนักในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า ๕ ปี
วานนี้ (๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑) ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมนายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๗ จังหวัดขอนแก่น และนายแพทย์ประวิตร ศรีบุญรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ศึกษาการดำเนินงานแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม กรณีขยะอิเล็กทรอนิกส์ ในพื้นที่ ต.โคกสะอาด อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ คือ ซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่ไม่ใช้แล้วในชีวิตประจำวัน เช่น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น สำหรับการคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่ดังกล่าว พบว่าประชาชนมีการประกอบอาชีพคัดแยกขยะและซากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมู่บ้าน โดยทำเป็นอาชีพเสริมจากการทำนา มาเป็นระยะเวลากว่า ๒๐ ปีแล้ว และเนื่องจากขยะนี้มีสารอันตรายและโลหะหนักหลายชนิด อาทิ ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม รวมทั้งโลหะมีค่าและแร่ธาตุที่หายากหลายชนิด จึงต้องจัดการอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันผลต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ผ่านมาได้มีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ดำเนินการเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองสุขภาพประชาชนในพื้นที่ รวมถึงเฝ้าระวังการปนเปื้อนของสารเคมีอันตรายในดินและแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ เป็นตัวอย่างการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภออย่างแบบรูปธรรม โดยมีนายอำเภอ และองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นผู้นำในการช่วยแก้ไขปัญหาทั้งด้านคน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต โดยที่นี่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพราะทำอาชีพนี้เกือบหมดทุกครัวเรือน และให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนและร่วมวางแผนเชิงระบบ เพื่อจัดการด้านเฝ้าระวัง ป้องกัน ดูแลรักษา โดยในระยะยาวภาครัฐจะร่วมวางแผนกับภาคประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาโดยใช้ พ.ร.บ.โรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม สนับสนุนต่อไป
จากข้อมูลล่าสุดในปี ๒๕๕๙ ของสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค ในการคัดกรองสุขภาพผู้ประกอบอาชีพคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่ ต.โคกสะอาด จำนวน ๑๙๔ ราย พบว่า มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนื่องจากการยกของหนัก มากที่สุด ร้อยละ ๗๑.๑ รองลงมาคือมีอาการผื่นคันผิวหนัง/คัดจมูกเนื่องจากสัมผัสฝุ่น ร้อยละ ๔๗.๙ มีการบาดเจ็บเล็กน้อยเนื่องจากอุบัติเหตุจากการถอดแยกชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์ ร้อยละ ๓๘.๗ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีการเก็บตัวอย่างปัสสาวะกลุ่มผู้ประกอบอาชีพคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะบ้านที่มีการคัดแยกชิ้นส่วนจอทีวี คอมพิวเตอร์ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์มาเป็นเวลานาน จำนวน ๑๗๓ ราย เพื่อตรวจหาสารแคดเมียมในร่างกาย พบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติทุกราย ส่วนการดำเนินงานในปี ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรค โดยสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๗ จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับเครือข่ายกระทรวงศึกษาธิการ ได้ร่วมกันผลิตหน่วยการเรียนรู้เรื่องการป้องกันโรคและภัยสุขภาพจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปทดลองใช้สำหรับสอนนักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวทั้ง ๘ แห่ง และในปี ๒๕๖๑ นี้ จะได้มีการดำเนินการเฝ้าระวังสารโลหะหนักในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า ๕ ปี ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้
ด้านนายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีการสนับสนุนให้มีการคัดแยกขยะที่ต้นทางตามโครงการจังหวัดสะอาด ทั้งในหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวม ๔,๔๖๙ แห่ง โดยมีหมู่บ้าน/ชุมชนต้นแบบการจัดการขยะ ๑๕๙ แห่ง และเริ่มให้มีจุดรวบรวมขยะอันตรายหมู่บ้านละ ๑ แห่ง ซึ่งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จังหวัดกาฬสินธุ์มีการจัดการปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่แบบครบวงจรและบูรณาการทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนผ่านกลไกของคณะกรรมการสาธารณสุขระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมีศูนย์วิชาการระดับเขต เครือข่ายคณาจารย์จากภาคสถาบันการศึกษาต่างๆ ร่วมเป็นที่ปรึกษาด้านวิชาการ โดยกำหนดยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหา ๗ ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ๑) พัฒนาระบบการดูแลเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชน ๒) พัฒนาระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากปัญหามลพิษขยะอิเล็กทรอนิกส์ ๓) สร้างความรู้ ทักษะที่ถูกต้องนำสู่การเกิดจิตสำนึกและวินัยของประชาชนและผู้ประกอบการในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ๔) พัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมและรูปแบบการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ๕) สร้างความเข้มแข็งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และมาตรการทางกฎหมาย ๖) สร้างกลไกการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้พื้นที่เป็นฐาน และ ๗) ส่งเสริมอาชีพเสริมและอาชีพทางเลือกที่มั่นคงทั้งผู้ประกอบการและประชาชน ซึ่งยุทธศาสตร์ทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี สิ่งแวดล้อมในชุมชนปลอดภัยและเป็นศูนย์เรียนรู้ในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศต่อไปในอนาคต
**************************************
                         


ข้อมูลจาก : สคร. ๗ จ.ขอนแก่น/สำนักโรคจากการประกอบอาชีพฯ กรมควบคุมโรค/วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๑
ข้อมูล/เผยแพร่ : กลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
ศูนย์รับข้อร้องเรียนสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๗ จ.ขอนแก่น
หมายเลข ๐๔๓-๒๒๒๘๑๘-๙ ต่อ ๒๒๔
http://odpc7.ddc.moph.go.th
ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมที่ rinjong_201@hotmail.com
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกลคุณธรรมนำใจประชาชน)
-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

กฟผ. เขื่อนสิรินธร นำแกนนำกลุ่มพัฒนาอาชีพเขื่อนสิรินธร ดูงานศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ จังหวัดสกลนคร

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

กฟผ. เขื่อนสิรินธร นำแกนนำกลุ่มพัฒนาอาชีพเขื่อนสิรินธร ดูงานศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ จังหวัดสกลนคร

วันที่ 11-12 มิถุนายน 2561 นายอาทิตย์ พรคุณา วิศวกร ระดับ 9 นายนที ศรีสมรรถการ พนักงานวิชาชีพ ระดับ 8 และนายพงษ์ศักดิ์ วิเศษหมื่น ช่างชำนาญการ ระดับ 4 นำกลุ่มนายวิทยา ยังมีสุข แกนนำกลุ่มผู้เสียสละจากการสร้างเขื่อนสิรินธร จำนวน 20 คน ดูงานศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เมือง จ.สกลนคร ในด้านการเลี้ยงปลา/เลี้ยงกบ , การพัฒนาเกษตรแบบผสมผสาน และการเลี้ยงสัตว์ 3 ดำ ได้แก่ ไก่ดำภูพาน , สุกรภูพาน , โคเนื้อภูพาน และกวางรูซ่า ทั้งนี้ ได้นำกลุ่มฯ รับฟังบรรยายสรุปภารกิจการ กฟผ.เขื่อนน้ำพุง , ศูนย์เรียนรู้ชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง กฟผ. ตามแนวทางโครงการชีววิถีฯ บ้านสวนสวรรค์ อ.ภูพาน จ.สกลนคร ที่มีปลูกพืชใหม่ๆ เช่น สละ พันธุ์อินโดนีเซีย สายน้ำผึ้ง สามารถทำรายได้ถึง 1 งาน ต่อ 1 แสนบาท และการผลิตผงนัว (ผงชูรสอาหาร) จากวัสดุดิบจากธรรมชาติ และดูงานศูนย์เรียนรู้เกษตรผสมผสานทฤษฎีใหม่ (ศูนย์พัฒนาภูพาน) นางบังอร ไชยเสนา เกษตรกรบ้านห้วยหนองรี อ.เมือง จ.สกลนคร ที่มีการปลูก/ผลิตพืชใหม่ๆ เช่น มะละกอเตี้ย , เพกาเตี้ย , พริกพวงดก และการเลี้ยงกบพ่อแม่พันธุ์ ผลิตลูกกบขายเป็นรายได้หลัก




ภาพ/ข่าว
นายนที ศรีสมรรถการ
ตำแหน่ง พนักงานวิชาชีพ ระดับ 8
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกลคุณธรรมนำใจประชาชน)
-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------