iAM ส่งซิงเกิลใหม่ “หมกกบ” ประกอบภาพยนตร์ “ผ้าผีบอก”

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

iAM  ส่งซิงเกิลใหม่  “หมกกบ” ประกอบภาพยนตร์ “ผ้าผีบอก” 


       วี -โมบายล์ -น้ำหนึ่ง - ปูเป้ และจีจี้ วง BNK48 นำทัพ ม่วนชื่น แนวเพลงภาษาอิสาน จังหวะทำนองท่าเต้นสุดจึ้งมาแน่  ฮิตติดหู “กบ มันฮ้องอ๊บ ๆ มันฮ้องอ๊บ ๆ มันฮ้องอ๊บ ๆ” ทุกสตรีมมิ่งออนไลน์ตั้งแต่วันนี้ 
 

บริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จํากัด หรือ iAM ต้นสังกัดศิลปินไอดอลหญิงวง BNK48 รุกผลิตภาพยนตร์เรื่อง “ผ้าผีบอก” ประเภทภาพยนตร์ comedy  เตรียมลงฉาย  23 มิถุนายน 2565  ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศไทย  ส่งเพลงสร้างกระแส ประกอบภาพยนตร์ เพลง “หมกกบ” จังหวะเพลงสนุก แนวเพลงภาษาอิสาน  จังหวะสนุกสนาน ได้รับเกียรติ สะบัดปากกาแต่งเนื้อเพลงและทำนอง จากคุณบอย เขมราฐ นักแต่งเพลงชื่อดัง 
           

5 นักแสดงนำภาพยนตร์ ผ้าผีบอก ขับร้องและเต้นเพลง “หมกกบ” ได้แก่ วี - วีรยา จาง ,โมบายล์ - พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค , น้ำหนึ่ง-มิลิน ดอกเทียน , ปูเป้-จิรดาภา อินทจักร  และ  จีจี้ - ณัฐกุล พิมพ์ธงชัยกุล เป็นกลุ่มศิลปินไอดอลหญิงรุ่นใหม่ที่ถ่ายทอดความสวยงามของภาษาอิสาน เอกลักษณ์เสื้อผ้าอิสานดีไซน์ให้โดดเด่นและสีสันสดใส  อิงคาแรคเตอร์เสื้อผ้าที่สวมใส่ในภาพยนตร์ ภาพรวมมิวสิกวิดีโอ คาดโดนใจผู้ฟัง  ซึ่งประโยคฮิตติดหูผู้ฟังในเพลงหมกกบ “กบ มันฮ้องอ๊บ ๆ มันฮ้องอ๊บ ๆ มันฮ้องอ๊บ ๆ” พร้อมท่าเต้นสุดม่วนชื่น ความน่ารักดีต่อใจ  ผ่าน YouTube : https://www.youtube.com/watch?v=3basTFl8WFw
หรือทุกสตรีมมิ่งออนไลน์ นอกจากนี้ยังสามารถขอเพลงผ่านคลื่นวิทยุชั้นนำทั่วประเทศไทย  และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมต่างๆ ผ่าน BNK48 Official






เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.ข่าวสยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)


-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์


-----------------------------------------------------

ชาวขอนแก่น!!เลือกใช้การเดินทางด้วยรถไฟ หลังน้ำมันแพง ขณะที่สถานีรถไฟยังไม่มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน) 

ชาวขอนแก่น!!เลือกใช้การเดินทางด้วยรถไฟ หลังน้ำมันแพง ขณะที่สถานีรถไฟยังไม่มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร


       ที่สถานีรถไฟขอนแก่น ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการรถไฟภายหลังจากโควิด-19 ผ่อนคลายลง ทำให้มีคนเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งน้ำมันในปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ประชาชนหันมาเลือกใช้การเดินทางด้วยรถไฟแทน
        

นางลอง วันศรี อายุ 54 ปี ประชาชนที่มาใช้บริการรถไฟ เปิดเผยว่า โดยปกติแล้วการเดินทางถ้ามีลูกหลานไปไหนมาไหนด้วยก็จะใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง จะเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางและรถไฟเฉพาะตอนที่ไม่มีลูกหลานเดินทางไปด้วย แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันมีราคาที่สูงขึ้นทำให้ต้องเลือกใช้การเดินทางด้วยรถไฟเป็นทางเลือกแรกเพราะมีราคาถูก  ซึ่งการที่น้ำมันมีราคาปรับสูงขึ้นนั้นมีผลกระทบอย่างมาก รถส่วนตัวจากแต่ก่อนที่ใช้ไปไหนมาไหนตลอดต้องเปลี่ยนเป็นใช้รถโดยสารประจำทางหรือรถไฟแทนเพราะจะได้ลดค่าใช้จ่ายลง



Cr.คนพันธุ์แชร์ สวท.ขอนแก่น
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.ข่าวสยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)


-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์


-----------------------------------------------------




ขอนแก่น!! ส่วนใหญ่ยังคงต้องการใส่แมสก์ แม้รัฐบาลจะไม่บังคับแล้ว พบทุกคนยังคงระวังตัวเพื่อความปลอดภัย

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

ขอนแก่น!! ส่วนใหญ่ยังคงต้องการใส่แมสก์ แม้รัฐบาลจะไม่บังคับแล้ว พบทุกคนยังคงระวังตัวเพื่อความปลอดภัย


       ภายหลังจากราชกิจจานุเบกษา ได้ลงประกาศการไม่บังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งพบว่า คนขอนแก่นส่วนใหญ่ยังคงสวมใส่หน้ากากอนามัย ตรวจวัดอุณหภูมิและใช้แอลกอฮอล์ล้างมือกันอย่างเข้มงวดเช่นเดิม โดยพบการไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่โล่งกว้างเป็นจำนวนน้อยมาก 
  

น.ส.วัลยา ภูงาม อายุ 35 ปี ชาว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า แม้ว่าจะมีการประกาศไม่บังคับในเรื่องของการสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่โดยส่วนตัวแล้วเพื่อความปลอดภัยยังคงขอสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างนี้ต่อไป ทั้งในพื้นที่โล่ง พื้นที่สาธารณะและพื้นที่ปิด  เนื่องจากยังคงเน้นหนักในเรื่องของการรักษาสุขภาพและปฎิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ซึ่งแม้ว่าสถานการณ์การณ์จะคลี่คลายลงและเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นในเดือน ก.ค.ตามที่รัฐบาลกำหนด


“ ครอบครัว เราอยู่ด้วยกันหลายคน มีผู้สูงอายุหลายท่าน ที่ผ่านมาการปฎิบัติตัวในการป้องกันและเฝ้าระวังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกคนในบ้านได้ดำเนินการมาอย่างเข้มงวด ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา การตรวจคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ การล้างมือบ่อย รวมไปถึงการเว้นระยะห่างและการไม่รับประทานอาหารร่วมกัน ดังนั้นแม้วันนี้มาตรการต่างๆจะผ่อนคลายลง ครอบครัวก็ยังคงชีวิตแบบวิถีใหม่นิวนอมอลอย่างเข้มงวดเช่นเดิมเพื่อความปลอดภัย ทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง”
  
ขณะที่ นพ.ชาตรี  เมธาธราธิป ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 7 กล่าวว่า ยังคงย้ำเตือนให้ประชาชนทุกคนปฎิบัติตามคำแนะนำของรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคและสตรีตั้งครรภ์ ซึ่งทั้งหมดจะต้องปฎิบัติตามคำแนะนำและปฎิบัติตนในการป้องกันตัวจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการเข้ารับบริการการฉีดวัคซีน เข็มกระตุ้นเข็ม 3 และ เข็ม 4 ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ที่จะต้องดำเนินการกันอย่างเข้มงวดและจริงจัง ขณะเดียวกันการผ่อนคลายมาตรการต่างๆตามที่รัฐบาล และ ศบค.กำหนด ทั้งหมดเป็นตามแผนและเป็นไปตามเหตุการณ์และพร้อมที่จะเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นในวันที่  1 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ 
        
อย่างไรก็ตามการดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่นิวนอร์มอล จะพบว่าหน้ากากอนามัย เป็นของใช้ประจำตัวที่ทุกคนจะมีพกติดตัวไว้ตลอด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทั้งประเทศที่ร่วมกันก้าวผ่านวิกฤติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเข้าสู่การดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่นิวนอร์มอล ที่เป็นความคุ้นชินในการป้องกันตัวจากโรคได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบที่สุด
ด้านนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ภายหลังจากราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศการไม่บังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง โดยให้เป็นไปด้วยความสมัครใจและดุลยพินิจของแต่ละคน จึงขอให้พี่น้องประชาชนคงต้องถือปฏิบัติ และที่สำคัญคือต้องมีการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนและฉีดเข็มกระตุ้นเพื่อความปลอดภัยในส่วนการถอดหน้ากากในที่โล่งแจ้งจะเป็นจุดแรกที่ทุกคนน่าจะสบายใจในการถอดหน้ากาก  ส่วนในสถานที่ปิดนั้น คงอยู่ในดุลยพินิจของแต่ละบุคคล
        
ทั้งนี้ จังหวัดขอนแก่น จะมีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ เพื่อวางแนวทางเนื่องจากในแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกัน จึงขอให้ทุกคนได้ระมัดระวัง โดยยึดถือหลักความปลอดภัยด้านสาธารณสุขและคำแนะนำของ ศบค.


เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.ข่าวสยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)


-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์


-----------------------------------------------------

ขอนแก่น!! ผลักดันอุทยานธรณีขอนแก่น เป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

ขอนแก่น!! ผลักดันอุทยานธรณีขอนแก่น เป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก


       ตามที่ คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบให้อุทยานธรณีขอนแก่น สมัครเข้ารับการประเมินเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 โดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้เสนอ เรื่อง การเสนออุทยานธรณีขอนแก่น เป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ การเสนอชื่อสมัครเข้ารับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก ก่อนยื่นความจำนงต่อยูเนสโก ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 และส่งใบสมัครระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 30 พฤศจิกายน 2565 

ทั้งนี้ จังหวัดขอนแก่น ประกาศจัดตั้งอุทยานธรณีขอนแก่น (Khon Kean Geopark) เป็นอุทยานธรณีท้องถิ่น เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 และได้รับรองให้เป็นอุทยานธรณีประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอภูเวียง และอำเภอเวียงเก่า รวมพื้นที่ประมาณ 1,038 ตารางกิโลเมตร
       

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า จังหวัดขอนแก่น จะได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้ดำเนินการเสนออุทยานธรณีขอนแก่นเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก ต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยได้รับข้อคิดเห็นซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน ทั้งจาก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่จะทำให้ข้อมูลมีความครบถ้วน ตามกรอบระยะเวลาที่ ยูเนสโก กำหนด คือ จะต้องยื่นความจำนงต่อยูเนสโกภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 และส่งใบสมัครในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 30 พฤศจิกายน 2565
     

 “ผลประโยชน์ที่พี่น้องประชาชนจะได้รับ คือ จากตัวเลขเมื่อปี 2561 มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปอุทยานแห่งชาติภูเวียง เพียง 6 พันกว่าคน ประกอบกับเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ภายหลังจากปี 2563 เป็นต้นมา เมื่ออุทยานธรณีขอนแก่น ได้รับการประกาศเป็นอุทยานธรณีระดับประเทศ ส่งผลให้มีจำนวนผู้ที่เข้ามาในพื้นที่อุทยานธรณีแห่งชาติภูเวียง เพิ่มเป็น 25,000 คน และในปี 2565 มีตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้าไป 60,000 คน คาดว่าภายในสิ้นปี 2565 จะเพิ่มขึ้นไม่ตำกว่า 1 แสนคน
ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้ามาในพื้นที่ประมาณ 150 ล้านบาท รวมถึงจะมีการใช้จ่ายในพื้นที่เพิ่มขึ้น โดยจังหวัดได้มีการเตรียมความพร้อมของชุมชน ในการสร้างงาน สร้างอาชีพชุมชน การเตรียมความพร้อมของยุวมัคคุเทศก์ และด้านต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องในระดับมาตรฐานตามที่ยูเนสโกกำหนด นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา เพื่อเตรียมเสนอไปสู่การเป็นอุทยานธรณีระดับโลก ดังนั้นจึงเป็นการขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด” 
      

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ยังกล่าวอีกว่า “จังหวัดขอนแก่น ยังได้วางเป้าหมายไว้ว่า ภายในเดือนพฤศจิกายน 2565 จะเสนอให้มีการจัดประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านบรรพชีวินโลก ที่อุทยานธรณีขอนแก่น และการเตรียมพร้อมก้าวไปสู่เป้าหมาย อุทยานธรณีระดับโลก ที่จะเป็นแหล่งศึกษาดูงาน เป็นแหล่งวิชาการของนักวิชาการด้านบรรพชีวินวิทยาแห่งใหม่ของโลก  เพื่อให้จังหวัดขอนแก่นเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศและทั่วโลก ต่อไป”


Cr.Pr.Khonkaen
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.ข่าวสยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)


-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์


-----------------------------------------------------

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนเร่งรณรงค์ประหยัดพลังงาน ช่วยประชาชนลดรายจ่ายช่วงพลังงานแพง จัดกิจกรรมลดใช้พลังงานในสำนักงานภูมิภาคทั่วประเทศ ชูไอเดียหลัก “พลังงานนำชีวิต เศรษฐกิจรุ่งเรือง”

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนเร่งรณรงค์ประหยัดพลังงาน ช่วยประชาชนลดรายจ่ายช่วงพลังงานแพง จัดกิจกรรมลดใช้พลังงานในสำนักงานภูมิภาคทั่วประเทศ ชูไอเดียหลัก “พลังงานนำชีวิต เศรษฐกิจรุ่งเรือง” 


       เมื่อเวลา 09.30 น วันที่ 23 มิถุนายน 2565 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน โดยศูนย์บริการวิชาการที่ 5 จังหวัดขอนแก่น ได้จัดงานการถ่ายทอด เผยแพร่ สาธิตและจัดนิทรรศการความรู้ด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ภายใต้แนวคิด “พลังงานนำชีวิต เศรษฐกิจรุ่งเรือง” โดยมีนายศิวกร  มิตรราช ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองขอนแก่นเป็นประธานพิธี มีผู้มาร่วมงานจากหน่วยงานในพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มชุมชน กลุ่มอาชีพ และสถาบันศึกษามากกว่า 250 คน
 

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ในฐานะหน่วยงานหลักด้านพลังงานจึงได้จัดกิจกรรมขึ้น ทั้งในส่วนกลางและศูนย์บริการวิชาการทุกภูมิภาคทั้ง 10 แห่งทั่วประเทศ  ภายใต้ชื่อกิจกรรม “รวมพลังงานคนไทย ลดใช้พลังงาน หาร 2”  กิจกรรมการรณรงค์เพื่อประหยัดพลังงานของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเป็นผลมาจากสถานการณ์ที่มีต้นทุนด้านพลังงานสูงขึ้น สงผลกระทบต่อประชาชนทุกระดับและภาคธุรกิจทุกด้าน รัฐบาลจึงได้กำหนดแนวการประหยัดพลังงานเป็นวาระแห่งชาติ 


ศูนย์บริการวิชาการที่ 5 จังหวัดขอนแก่นได้จัดกิจกรรมเปิดบ้านพลังงานทดแทนตามแนวทางดังกล่าว ภายในงานได้จัดนิทรรศการเพื่อถ่ายทอด เผยแพร่ สาธิตและจัดนิทรรศการความรู้ด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานหลากหลายรูปแบบ พร้อมกับการออกบูธนิทรรศการจากหน่วยงานในพื้นที่ สถาบันการศึกกษา องค์กรภาคเอกชน และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ กิจกรรมหลักภายในกิจกรรมพลังงานเพื่อชุมชนดังกล่าว ได้ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานทุกรูปแบบ เช่น  การประหยัดใช้ไฟฟ้า  พลังงานแสงอาทิตย์  การเกษตรที่ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า การสาธิตการใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานต่างๆ ภูมิปัญญาของชุมชน  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนให้มั่นคงเข้มแข็ง รวมทั้งการจัดแสดงและจำหน่ายงเตาอั้งโล่ “มหาเศรษฐี” ซึ่งอยู่ในกระแสความสนใจของประชาชนที่สนใจประหยัดพลังงานในครัวเรือน 
 

นางสาวอภิรดี  ธรรมมโนมัย ผู้อำนวยการกองถ่ายทอดและเผยแพร่เทคโนโลยีพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า  จากสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้นในทุกด้าน กระทรวงพลังงานเร่งเผยแพร่และรณรงค์การประหยัดพลังงานทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ซึ่งมีศูนย์บริการวิชาการในภูมิภาครวม 10 ศูนย์ ได้จัดกิจกรรมการถ่ายทอด เผยแพร่ สาธิตและนิทรรศการความรู้ด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อีกทั้งรณรงค์เผยแพร่ กระตุ้นการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งการใช้พลังงานทดแทนจำเป็นมากในสถานการณ์ที่พลังงานมีราคาสูงขึ้นในขณะนี้




เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.ข่าวสยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)


-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์


-----------------------------------------------------


NT จับมือ ไปรษณีย์ไทย เปิดจุดให้บริการส่งด่วน EMS Point 52 แห่ง ครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย รองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

NT จับมือ ไปรษณีย์ไทย เปิดจุดให้บริการส่งด่วน EMS Point 52 แห่ง ครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย รองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ


       วันนี้ 23 มิ.น. 65 ที่ ห้องประชุมชั้น 6 อาคารกลุ่มขายและปฏิบัติการลูกค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่นนางสมจิตต์ ธีระชุติกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานขายและปฏิบัติการลูกค้า 2 และรักษาการแทนรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานขายและปฏิบัติการลูกค้า 3 บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และ ดร.วราภรณ์ ข้องเกี่ยวพันธุ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์และการขับเคลื่อนองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมเป็นประธานเปิดจุดให้บริการรับฝากส่งสิ่งของภายในประเทศ (EMS Point)  ภายในศูนย์บริการลูกค้า NT กลุ่มขายและปฏิบัติการลูกค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  จำนวน 16 จังหวัด 52 ศูนย์บริการลูกค้า 


นางสมจิตต์ ธีระชุติกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานขายและปฏิบัติการลูกค้า 2 และรักษาการแทนรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานขายและปฏิบัติการลูกค้า 3 บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า ถือเป็นการคิกออฟ ความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงาน ในการดำเนินธุรกิจ นำพื้นที่ที่มีอยู่มาเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้แกร่ง ลดต้นทุนทางธุรกิจ  โดยได้มีการนำพื้นที่ของ NT  เปิดจุดให้บริการรับฝากส่งสิ่งของภายในประเทศ (EMS Point)  ภายในศูนย์บริการลูกค้า NT  เป็นการนำร่องพื้นที่ในศูนย์บริการลูกค้า NT ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ที่มีจุดแข็งในด้านการเข้าถึงง่ายและสะดวก มาใช้ประโยชน์ ซึ่งในธุรกิจรับฝากส่งสิ่งของภายในประเทศมีการเจริญเติบโตอย่างมาก จึงเป็นโอกาสที่ดีของ NT และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่จะสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจของลูกค้าให้เติบโตไปด้วยกัน โดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน


ดร. วราภรณ์ ข้องเกี่ยวพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์และการขับเคลื่อนองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า “ไปรษณีย์ไทยพร้อมเดินหน้าปูพรมขยายเครือข่ายจุดให้บริการส่งด่วนทั่วไทย ภายใต้บทบาทด้านการสื่อสารและขนส่งของชาติ โดยตั้งเป้าในปี 2565 จะขยายจุดให้บริการส่งด่วน EMS Point ทั่วประเทศรวมกว่า 600 แห่ง ซึ่งการขยายจุดให้บริการฝากส่ง (First Mile) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการทุกคนสามารถเข้าถึงบริการส่งด่วนได้ง่ายและสะดวก ใกล้ที่ไหนก็สามารถแวะส่งไปรษณีย์ได้ ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการอีกด้วย


การให้บริการ EMS Point จะให้บริการในรูปแบบกล่องเหมาจ่าย ไม่ต้องชั่งน้ำหนัก ส่งได้สูงสุดถึง 20 กก. ด้วยมาตรฐานบริการ EMS ราคาเริ่มต้นเพียง 30 บาท ซึ่งศูนย์บริการ NT มีความพร้อมทั้งในด้านสถานที่ และความสะดวกในการเป็นจุดให้บริการครบวงจร ศูนย์บริการ NT พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด 52 แห่ง รวม 16 จังหวัด จึงถือเป็นพื้นที่นำร่องที่จะเป็นต้นแบบในการเป็นจุดให้บริการส่งด่วนแก่หน่วยงาน หรือผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งกับไปรษณีย์ไทยในการรับเป็นจุด EMS Point ต่อไป”

สำหรับผู้ที่สนใจและมีความพร้อมด้านสถานที่ในการเป็นจุดให้บริการ EMS Point ลงทะเบียนสมัครใช้บริการได้ที่ https://postone.thailandpost.com/login สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ฝ่ายบริหารเครือข่าย โทร. 0 2831 3715 

การดำเนินการตาม MOU  NT และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้มีการลงนามความร่วมมือร่วมกัน เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา  ครั้งนี้จึงถือเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสององค์กร มาใช้ประโยชน์ ทำให้เกิดดำเนินงานและสร้างคุณค่าร่วมกัน เพื่อลดต้นทุนทางธุรกิจ และสร้างรายได้เพิ่ม  ซึ่งเชื่อว่าการดำเนินการร่วมกันครั้งนี้ จะสามารถต่อยอดพัฒนาธุรกิจของทั้งสององค์กรได้อย่างมากในอนาคต

Cr.PRKHONKAEN
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.ข่าวสยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)


-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์


-----------------------------------------------------

โก! เพาเวอร์ ลุยเปิดสาขาใหม่ “โก! เพาเวอร์ ขอนแก่น”

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

โก! เพาเวอร์ ลุยเปิดสาขาใหม่ “โก! เพาเวอร์ ขอนแก่น”


      นายปิยิน ตลับนาค (ที่ 3 จากซ้าย) อดีตปลัดจังหวัดขอนแก่น ร่วมด้วย นายบรรชา สุวรรณมาโจ (ที่ 2 จากซ้าย) ปลัดอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น และ นายวรวุฒิ พงศ์ชินภัค (ที่ 4 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บจก. เพาเวอร์บาย ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล ร่วมเปิดงานฉลองสาขาใหม่ “โก!เพาเวอร์ สาขาขอนแก่น” ชาวขอนแก่นจะได้พบกับศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลากหลายกว่า 10,000 รายการ ในราคามิตรภาพที่คนไทยเข้าถึงได้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ถูก ครบ ดี ส่งเร็ว ติดตั้งฟรี ผ่อนง่าย” ที่ร้าน โก!เพาเวอร์ จ.ขอนแก่น เมื่อเร็วๆ นี้


โก! เพาเวอร์ โดย เพาเวอร์บาย ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องรุกครองตลาดแดนอีสาน เปิดสาขาที่ 8 “โก! เพาเวอร์ ขอนแก่น” ชูคอนเซ็ปต์ “ถูก ครบ ดี ส่งเร็ว ติดตั้งฟรี ผ่อนง่าย” เน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มแมสในพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นหลัก ตอบโจทย์ดีมานด์ของตลาดต่างจังหวัดที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้าขยายเพิ่มอีกกว่า 10 สาขา ภายในสิ้นปี 2565  ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษฉลองเปิดสาขาใหม่ อาทิ ใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็ผ่อนได้ ผ่อนน้อย ผ่อนยาว พร้อมโปรโมชั่นลดแรงสูงสุด 50% สินค้าราคาเดียว คูปองส่วนลด เป็นต้น  มาเอาใจชาวขอนแก่นอีกด้วย


นายวรวุฒิ พงศ์ชินภัค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “โก! เพาเวอร์ สาขาใหม่ ขอนแก่น นับเป็นสาขาที่ 8 และเป็นสาขาที่ 3 ในจังหวัดขอนแก่น เพื่อรองรับกำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในจังหวัดขอนแก่น โดยสาขาชุมแพ และสาขากระนวน ที่เปิดไปเมื่อต้นปี 2565 นั้น ได้รับกระแสตอบรับจากคนในชุมชนเป็นอย่างดี ด้วยจุดแข็งและแตกต่างของ โก! เพาเวอร์ ที่เป็นศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพเยี่ยม ในราคาดีที่ใครก็ซื้อได้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ถูก ครบ ดี ส่งเร็ว ติดตั้งฟรี ผ่อนง่าย” ทั้งนี้เราได้ทำการศึกษาถึงพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในตลาดต่างจังหวัด จึงได้เน้น 4 กลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อให้เข้าถึงและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ได้แก่ 


สินค้าครบครัน หลากหลาย คุณภาพดี : พบสินค้าคุณภาพดี ครบทุกประเภทรายการ จากหลากหลายแบรด์ชั้นนำ ทั้ง เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่และเล็ก สินค้าไอที แก็ดเจ็ต เครื่องเสียง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีไลน์สินค้ามากกว่า 10,000 รายการให้เลือกสรรอย่างจุใจ 
ผ่อนง่าย แค่บัตรประชาชนใบเดียว : จากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงได้เพิ่มช่องทางในการชำระค่าสินค้าในรูปแบบเงินผ่อน เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสินค้า แต่ไม่มีบัตรเครดิต และไม่ต้องใช้เงินสด ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ช่วยให้การตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นอีกด้วย เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็สามารถผ่อนชำระสินค้าได้ ผ่อนน้อยเริ่มต้น 500 บาท/เดือน ผ่อนยาว อนุมัติไวภายใน 30 นาที โดยเราได้จับมือกับพันธมิตรชั้นนำผู้ให้บริการด้านสินเชื่อมาคอยให้บริการ เรียกได้ว่าครบ จบ ในที่เดียว
ราคาดีที่ใครก็ซื้อได้ : มั่นใจได้ว่า เราสรรหาสินค้าที่มีคุณภาพมานำเสนอในราคาย่อมเยาว์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ พร้อมจัดให้มีโปรโมชั่นส่วนลดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค ราคาเริ่มต้นหลักร้อยเท่านั้น
ทำเลดีเข้าถึงง่าย : ทำเลของ โก! เพาเวอร์ จะเน้นตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก เข้าถึงง่าย


สำหรับปัจจัยบวกที่ โก! เพาเวอร์ เลือกเปิดสาขาในขอนแก่นถึง 3 สาขา เพราะจังหวัดขอนแก่น ถือเป็นหัวเมืองเศรษฐกิจและศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีสัดส่วนประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาค และอยู่ใกล้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของตลาดขอนแก่นที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับ โก! เพาเวอร์ สาขาขอนแก่น ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง บนพื้นที่กว่า 700 ตารางเมตร มีความโดดเด่นด้วยรูปแบบสแตนด์อะโลน ในทำเลศักยภาพอีกแห่งที่มีการขยายตัวของธุรกิจที่อยู่อาศัยทั้งโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม เป็นใจกลางแหล่งชุมชมขนาดใหญ่ ใกล้กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น มั่นใจว่า โก! เพาเวอร์ สาขาขอนแก่น จะสามารถครองใจและขึ้นแท่นร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับ 1 ของจังหวัดขอนแก่นได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ โก!เพาเวอร์ ยังได้เตรียมแผนที่จะขยายสาขาอีกกว่า 10 สาขา ภายในสิ้นปี 2565 ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย เพื่อให้คนไทยทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยี”


นอกจากนี้เพื่อเป็นการฉลองเปิดสาขาใหม่ โก!เพาเวอร์ ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษเอาใจชาวขอนแก่นโดนเฉพาะ อาทิ ใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็ผ่อนได้ ผ่อนน้อย ลดแรงสูงสุด 50% สินค้าราคาเดียว 555 บาท คูปองส่วนลด 200 บาท รับฟรี...ร่ม โก! เพาเวอร์ เมื่อช้อปตามเงื่อนไขที่กำหนด เป็นต้น ช้อปกันได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 กรกฎาคม 2565 ที่ โก! เพาเวอร์ สาขาขอนแก่น หรือบริการ Call & Shop โทร. 063-081-3007 และช่องทางออนไลน์ Facebook:  @GoPowerthailand, Line @705cohfs  







เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.ข่าวสยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)


-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์


-----------------------------------------------------