• KSL Group

    บริษัท น้ำตาล ขอนแก่น จำกัด (มหาชน)

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561

บุรีรัมย์ ยายขอยืนยันเป็นคำตอบสุดท้าย แยกน้ำข้าวหมากผสมน้ำใส่ถุงขายไม่ใช่สาโท

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

บุรีรัมย์ ยายขอยืนยันเป็นคำตอบสุดท้าย แยกน้ำข้าวหมากผสมน้ำใส่ถุงขายไม่ใช่สาโท

          ยายขายข้าวหมาก ยืนยันว่า ไม่ได้ทำสาโทขายตามสรรพสามิตอ้าง ยันเป็นน้ำข้าวหมากที่ผสมน้ำ ใส่ถุงแบ่งขาย 3 ถุง 50 บาทเท่านั้น นำมาเจือจางไม่ให้มีรสชาติหวานมาก เพราะน้ำข้าวหมากจะมีความเข้มข้นและหวานมาก เผยหัวเชื้อที่นำมาทำข้าวหมาก ก็เป็นหัวเชื้อข้าวหมากไม่ใช่หัวเชื้อสาโท
เมื่อวันที่ 16 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นางเสน่ห์ บ่วงรัมย์ อายุ 60 ปี ชาวบ้านบ้านปรุ ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิตบุรีรัมย์ เข้าจับกุมบริเวณตลาดนัดคลองถมสี่แยกกระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ในข้อหา “มีไว้ในครอบครองซึ่งสุราที่ผลิตขึ้นโดยฝ่าฝืนมาตรา 153 วรรคหนึ่ง” เมื่อวันที่ 22 ก.ค.61 ที่ผ่านมา โดยมีการเรียกค่าปรับครั้งแรกเป็นเงิน 50,000 บาท และลดเหลือ 30,000 บาท ก่อนจะลดเหลือ 10,000 บาท ซึ่งสรรพสามิตพื้นที่บุรีรัมย์ ได้ออกมายืนยันว่าไม่ได้จับกุมยายขายข้าวหมาก แต่เป็นการจับกุมยายขายสาโท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดนางเสน่ห์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า สิ่งที่ตนเองทำขายคือข้าวหมากห่อใบตอง ส่วนน้ำที่บรรจุใส่ถุงยอมรับเป็นของตัวเองจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่สรรพสามิตระบุว่าเป็นสาโทนั้น ไม่ใช่น้ำสาโทตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้าง แต่เป็นน้ำข้าวหมากที่เหลือจากข้าวหมาก ซึ่งตนเสียดายน้ำข้าวหมากที่เหลือ จึงได้นำน้ำข้าวหมากดังกล่าว มาผสมกับน้ำเปล่าบรรจุแบ่งใส่ถุงขายในราคา 3 ถุง 50 บาท เนื่องจากน้ำข้าวหมาก จะมีความเข้มข้นและมีรสหวานมาก เพราะหากรับประทานน้ำข้าวหมากโดยตรง ตนจึงนำน้ำเปล่ามาผสมเพื่อเจือจางไม่ให้มันหวานมาก ซึ่งจะได้รสชาติที่ออกหวานพอดี ไม่หวานจนบาดคอเหมือนทานน้ำข้าวหมากโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่ผู้หญิงมักจะชอบซื้อนำไปรับประทาน
“ตนขอยืนยันว่าน้ำในถุงที่ถูกสรรพสามิตจับนั้น ไม่ได้เป็นน้ำสาโทตามที่สรรพสามิตกล่าวอ้าง แต่มันเป็นน้ำข้าวหมากจริงๆที่ตนเอาน้ำมาใส่ผสม เพื่อเจือจางไม่ให้มันมีรสหวานมากก็เท่านั้น ส่วนที่มันหวานเพราะในการทำข้าวหมากของตนแต่ละครั้ง จะใส่หัวเชื้อข้าวหมากถึง 10 ก้อน มันจึงออกรสหวานมาก” นางเสน่ห์ กล่าว
นางเสน่ห์ กล่าวต่อว่าจริงๆแล้วเจ้าหน้าที่สรรพสามิต น่าจะรู้ดีว่าหัวเชื้อข้าวหมาก กับหัวเชื้อสาโท มันแตกต่างกัน โดยเฉพาะหัวเชื้อข้าวหมากจะมีขายตามร้านทั่วไป แต่วันที่ถูกจับกุมตนพยายามชี้แจง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับฟัง ตนก็ไม่รู้ข้อกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นสาโท ผิดกฎหมายอย่างเดียว ซึ่งตนก็ค้านว่าไม่ใช่สาโทแต่เป็นน้ำข้าวหมาก ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องยอมให้จับเสียค่าปรับดังกล่าว เพราะไม่รู้กฎหมาย อีกอย่างมองว่าเป็นอาหารที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ได้ทำสืบทอดกันมานาน ที่ผ่านมาเคยทำข้าวหมากขายเพียง 2 ครั้งเท่านั้น และก็มาถูกจับดังกล่าว หลังจากนี้เลิกทำข้าวหมากขายแล้ว ไม่ยุ่งอีกเด็ดขาด และได้หันมาขายผักดอกแทน จะไม่ทำสิ่งที่สุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายอีกแล้ว เพราะถึงเวลาเราก็จะแพ้ทางเจ้าหน้าที่ที่ถือกฎหมายในมืออยู่ดี
“เหตุการณ์นี้ตนอยากท้าพิสูจน์ให้เห็นเลย ว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นน้ำข้าวหมาก ที่เหลือจากข้าวหมากจริงๆ แล้วนำมาผสมน้ำเปล่าขาย และอยากจะทำให้ดูเลยว่า การทำข้าวหมากของตนทำยังไง หัวเชื้อที่ใช้มันก็เป็นหัวเชื้อคนอย่างกัน หัวเชื้อที่ใช้ทำข้าวหมากก็เป็นอีกแบบ ส่วนหัวเชื้อสาโทก็คนละชนิดกัน”นางเสน่ห์ กล่าว.
///////////////////////////////////



ภาพ / ข่าว / ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง จ.บุรีรัมย์
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)






-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น