สืบสาน!!ประเพณีบุญบั้งไฟอีสาน บ้านโสกแต้ ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น

สืบสาน!!ประเพณีบุญบั้งไฟอีสาน บ้านโสกแต้ ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น


     เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 เวลา 15.30 น.ชาวบ้านโสกแต้ ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ได้มีการจัดกิจกรรมประเพณีบุญบั้งไฟอีสานขึ้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาช้านาน โดยมีความร่วมมือกันระหว่างผู้นำชุมชนและชาวบ้านโสกแต้ ขบวนแห่บั้งไฟวันที่ 27 พ.ค.65 จุดบั้งไฟ วันที่ 28 พ.ค.65 


ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นประเพณีหนึ่งของภาคอีสานของไทยรวมไปถึงลาว โดยมีตำนานมาจากนิทานพื้นบ้านของภาคอีสานเรื่องพระยาคันคาก เรื่องผาแดงนางไอ่ ซึ่งในนิทางพื้นบ้านดังกล่าวได้กล่าวถึง การที่ชาวบ้านได้จัดงานบุญบั้งไฟขึ้นเพื่อเป็นการบูชา พระยาแถน หรือเทพวัสสกาลเทพบุตร ซึ่ง ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พระยาแถนมีหน้าที่คอยดูแลให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล และมีความชื่นชอบไฟเป็นอย่างมาก หากหมู่บ้านใดไม่จัดทำการจัดงานบุญบั้งไฟบูชา ฝนก็จะไม่ตกถูกต้องตามฤดูกาล อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติกับหมู่บ้านได้ ช่วงเวลาของประเพณีบุญบั้งไฟคือเดือนหกหรือพฤษภาคมของทุกปี- wikipedia
 

ประเพณีบุญบั้งไฟมีมาแต่ครั้งไหนยังหาหลักฐานที่แน่ชัด มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความเป็นมาของประเพณีบุญบั้งไฟในแง่ต่างๆ ไว้ดังนี้
ความเชื่อของชาวบ้านกับประเพณีบุญบั้งไฟ
       

ชาวบ้านเชื่อว่ามีโลกมนุษย์ โลกเทวดา และโลกเทวดา มนุษย์อยู่ใต้อิทธิพลของเทวดา การรำผีฟ้าเป็นตัวอย่างที่แสดงออกทางด้านการนับถือเทวดา และเรียกเทวดาว่า “แถน” เมื่อถือว่ามีแถนก็ถือว่า ฝน ฟ้า ลม เป็นอิทธิพลของแถน หากทำให้แถนโปรดปราน มนุษย์ก็จะมีความสุข ดังนั้นจึงมีพิธีบูชาแถน การจุดบั้งไฟก็อาจเป็นอีกวิธีหนึ่งที่แสดงความเคารพหรือส่งสัญญาณความภักดีไปยังแถน ชาวอีสานจำนวนมากเชื่อว่าการจุดบั้งไฟเป็นการขอฝนจากพญาแถน และมีนิทานปรัมปราเช่นนี้อยู่ทั่วไป แต่ความเชื่อนี้ยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอน นอกจากนี้ในวรรณกรรมอีสานยังมีความเชื่ออย่างหนึ่งคือ เรื่องพญาคันคาก หรือคางคก พญาคันคากได้รบกับพญาแถนจนชนะแล้วให้พญาแถนบันดาลฝนลงมาตกยังโลกมนุษย์
ความหมายของบั้งไฟ
       

คำว่า “บั้งไฟ” ในภาษาถิ่นอีสานมักจะสับสนกับคำว่า “บ้องไฟ” แต่ที่ถูกนั้นควรเรียกว่า”บั้งไฟ”ดังที่ เจริญชัย ดงไพโรจน์ ได้อธิบายความแตกต่างของคำทั้งสองไว้ว่า บั้งหมายถึง สิ่งที่เป็นกระบอก เช่น บั้งทิง สำหรับใส่น้ำดื่ม หรือบั้งข้าวหลาม เป็นต้น  ส่วนคำว่า บ้อง หมายถึง สิ่งของใดๆ ก็ได้ที่มี 2 ชิ้น มาสวมหรือประกอบเข้ากันได้ ส่วนนอกเรียกว่า บ้อง ส่วนในหรือสิ่งที่เอาไปสอดใสจะเป็นสิ่งใดก็ได้ เช่น บ้องมีด บ้องขวาน บ้องเสียม บ้องวัว บ้องควาย ดังนั้น คำว่า บั้งไฟ ในภาษาถิ่นอีสานจึงเรียกว่า บั้งไฟ ซึ่งหมายถึงดอกไม้ไฟชนิดหนึ่ง มีหางยาวเอาดินประสิวมาคั่วกับถ่านไม้ตำให้เข้ากันจนละเอียดเรียกว่า หมื่อ (ดินปืน) และเอาหมื่อนั้นใส่กระบอกไม้ไผ่ตำให้แน่นเจาะรูตอนท้ายของบั้งไฟ เอาไผ่ท่อนอื่นมัดติดกับกระบอกให้ใส่หมื่อโดยรอบ เอาไม้ไผ่ยาวลำหนึ่งมามัดประกบต่อออกไปเป็นหางยาว สำหรับใช้ถ่วงหัวให้สมดุลกัน เรียกว่า “บั้งไฟ” ในทัศนะของผู้วิจัย บั้งไฟ คือการนำเอากระบอกไม้ไผ่ เลาเหล็ก ท่อเอสลอน หรือเลาไม้อย่างใดอย่างหนึ่งมาบรรจุหมื่อ (ดินปืน) ตามอัตราส่วนที่ช่างกำหนดไว้แล้วประกอบท่อนหัวและท่อนหางเป็นรูปต่างๆ ตามที่ต้องการ เพื่อนำไปจุดพุ่งขึ้นสู่อากาศ จะมีควันและเสียงดัง บั้งไฟมีหลายประเภท ตามจุดมุ่งหมายของประโยชน์ในการใช้สอย
























เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.ข่าวสยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)


-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์


-----------------------------------------------------

กรมประมงจัดกิจกรรม “ปล่อยกุ้งก้ามกรามลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์” หนุนเพิ่มผลผลิตทรัพยากรสัตว์น้ำ สร้างแหล่งอาหาร – รายได้ ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

กรมประมงจัดกิจกรรม “ปล่อยกุ้งก้ามกรามลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์” หนุนเพิ่มผลผลิตทรัพยากรสัตว์น้ำ สร้างแหล่งอาหาร – รายได้ ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน 
 

     วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลา 09.00 น. ณ อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ บริเวณหน้าโรงประมูลปลา ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดขอนแก่น หมู่ที่ 3 ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น


นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เป็นประธานเปิดโครงการ “เพิ่มผลผลิตกุ้งก้ามกรามในอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์” จำนวน 1 ล้านตัว หนุนฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำเศรษฐกิจ ให้เป็นแหล่งอาหารชุมชนที่มั่นคง เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน


นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า การเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อสร้างแหล่งทรัพยากรประมงที่อุดมสมบูรณ์ให้ชุมชนได้มีกินมีใช้อย่างยั่งยืน เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของ 
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้สั่งการให้กรมประมงดำเนินการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติต่าง ๆ ทุกภูมิภาคทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพันธุ์สัตว์น้ำเศรษฐกิจที่ตลาดมีความต้องการสูง อย่างเช่น “กุ้งก้ามกราม”


สำหรับเขื่อนอุบลรัตน์ กรมประมง ได้ทำการปล่อยพันธุ์กุ้งก้ามกราม ในระหว่างปี 2562-2564 ไปแล้ว
รวมกว่า 15 ล้านตัว โดยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เริ่มโครงการและเดินทางมาเป็นประธานในโครงการฟื้นฟูทรัพยากรกุ้งก้ามกรามในอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ด้วย ซึ่งในครั้งนั้นได้ทำการปล่อยกุ้งก้ามกราม จำนวน 2 ล้านตัว และสัตว์น้ำอื่น ๆ จำนวน 3 ล้านตัว และจากการดำเนินการที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า สามารถฟื้นฟูผลผลิตในแหล่งน้ำได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ชาวประมงในพื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำอุบลรัตน์ โดยเฉพาะในพื้นที่ 2 จังหวัด คือ จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดหนองบัวลำภู สามารถจับกุ้งก้ามกรามได้ทั้งสิ้น 89,100 ตัว น้ำหนักรวม 8,909.2 กิโลกรัม (ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 550 บาท) สร้างรายได้ให้ชาวประมงถึง 4,900,060 บาท ทำให้ชาวประมง
และชุมชนบริเวณรอบเขื่อนฯ ได้รับประโยชน์จากการดำเนินโครงการเป็นอย่างมากจนมีคำกล่าวที่ว่า “หาปลาทั้งวันไม่สู้หากุ้งได้โลเดียว”


กรมประมง จึงได้จัดโครงการเพิ่มผลผลิตกุ้งก้ามกรามในอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ในครั้งนี้เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง  โดยทำการปล่อยพันธุ์กุ้งก้ามกรามอีกจำนวน 1 ล้านตัว เพื่อเป็นการฟื้นฟูผลผลิตและสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารให้ชุมชน โดยได้มีการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้กับชุมชน นำมาซึ่งรายได้และโอกาสในการดำรงชีพให้กับประชาชนมีอาศัยอยู่รอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์และพื้นที่ใกล้เคียง


มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรม ประกอบด้วย การแสดงสินค้าประมง FISHERMAN SHOP @ UBOLRATANA RESERVOIR สินค้าแปรรูปสัตว์น้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ นิทรรศการให้ความรู้ด้านการเพาะและอนุบาลกุ้งก้ามกรามของกองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด กิจกรรมแสดงผลงานวาดภาพของนักเรียนในหัวข้อ “ในน้ำมีปลา” และ “มนต์เสน่ห์ใต้ท้องน้ำ” กิจกรรมแสดงกุ้งก้ามกรามที่ได้รับรางวัลจากการประกวดกุ้งก้ามกรามขนาดใหญ่ในเขื่อนอุบลรัตน์ การสาธิตการประกอบอาหารจากกุ้งก้ามกราม “ต้มยำกุ้งน้ำข้น” โดยอธิบดีกรมประมง พร้อมเปิดกิจกรรมแข่งขันประกอบอาหารด้วยวัตถุดิบหลัก กุ้งก้ามกรามเขื่อนอุบลรัตน์ และมอบประกาศนียบัตรและของรางวัลแก่ผู้ชนะในกิจกรรมของโครงการฯ ดังกล่าว โดยมีประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก








































เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.ข่าวสยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)


-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์


-----------------------------------------------------