• KSL Group

    บริษัท น้ำตาล ขอนแก่น จำกัด (มหาชน)

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561

บุรีรัมย์-ลุงก่อสร้างวัย 53 ถูกสวมชื่อมีรายได้เกือบ 2 ล้าน สรรพากรบี้เก็บภาษี

สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)

บุรีรัมย์-ลุงก่อสร้างวัย 53 ถูกสวมชื่อมีรายได้เกือบ 2 ล้าน สรรพากรบี้เก็บภาษี

               ครอบครัวชายวัย 53 เดือดร้อนหนัก หลังเจ้าหน้าที่สรรพากร ตามถึงบ้านให้ชำระภาษีเงินได้ เนื่องจากมีเงินหมุนเวียนปีละกว่าล้านบาท เป็นงงทั้งบ้านเพราะมีอาชีพรับจ้าง ติดต่ออดีตบริษัทที่เคยทำงานยอมรับผิดจะจ่ายภาษีแทนให้ วอนช่วยเหลือทั้งครอบครัวทำบัตรคนจนไม่เคยผ่านเจ้าหน้าที่ระบุมีเงินเยอะแล้ว
วันที่ 20 ส.ค.61 เรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผย หลังจากเพจ”แจ้งข่าวชาวบุรีรัมย์”ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่ 7 ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ว่าครอบครัวได้รับความเดือดร้อน มีเจ้าหน้าที่ของสรรพากรพื้นที่ประโคนชัย มาพบที่บ้านว่าให้ไปยืนแบบภาษี เนื่องจากมีรายได้มากกว่าปีละ 1 ล้านบาท ทั้งที่มีอาชีพรับจ้างมีฐานะยากจน
เมื่อเข้าไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 287 หมู่ 7 ต.ปังกู พบนายเลียบ เมียดเตียบ อายุ 53 ปี พร้อมครอบครัว เพิ่งเดินทางมาจากการทำงานก่อสร้างที่ จ.นครปฐม เพื่อจะมาพบสรรพกรในพื้นที่ประโคนชัย
สอบถาม น.ส.ปภาวรินทร์ เมียดเตียบ อายุ 28 ปี ลูกสาวนายเลียบ เล่าว่า เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่ อ.ประโคนชัย มาที่บ้านถามหาพ่อ จึงบอกไปว่าพ่อทำงานก่อสร้างที่ จ.นครปฐม
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เอาหลักฐานเป็นกระดาษรายงานระบบสรรพากร ระบุชื่อนายเลียบ เมียดเตียบ ว่ามีเงินรายได้ปีละกว่า 1,600,000 บาท ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา ทำให้ครอบครัวตกใจ จึงโทรศัพท์ให้พ่อซึ่งทำงานก่อสร้างที่ จ.นครปฐม กลับบ้านด่วน เพราะเกรงว่าจะโดนคดีอาญาเนื่องจากไม่เสียภาษีตามกฎหมาย
จากนั้นได้โทรศัพท์ไปหาบริษัท”มายทรานสปอร์ต จำกัด”ซึ่งเป็นบริษัทที่สรรพากรระบุว่าพ่อของตนมีรายได้เป็นค่าขนส่งจากบริษัทนี้ โดยพนักงานบริษัทอ้างว่าเป็นความผิดพลาดทางบัญชี ตนจึงถามไปว่า”เป็นไปไม่ได้ เพราะมีหลักฐานมาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน”
ต่อมาบริษัทยอมรับว่าบริษัทได้เอาชื่อพ่อของตนเข้าไปเป็นผู้มีรายได้จากบริษัทจริง พร้อมจะชดใช้ค่าภาษีที่จะต้องจ่ายให้ แต่ขอร้องไม่ให้ไปแจ้งความกับตำรวจ ตนคิดว่าการกระทำของบริษัทไม่ถูกต้อง เพราะส่งผลกระทบกับครอบครัวโดยตรงหลายด้าน และยังไม่ทราบว่าภายหน้าต่อไปจะโดนอะไรอีก
ด้านนายเลียบ เมียดเตียบ เล่าว่า เมื่อปี 2559 ตนได้ไปทำงานให้กับบริษัท”มายทรานสปอร์ต”อยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ใช้หลักฐานมีบัตรประจำตัวประชาชน ,สำเนาทะเบียนบ้านและใบอนุญาตขับขี่ เป็นหลักฐานตอนสมัครงาน มีหน้าที่ขับรถรับจ้างขนส่งเป็นเที่ยว รวมมีรายได้จากบริษัทนี้ประมาณ 10,000-12,000 บาทต่อเดือน โดยรับเงินค่าจ้างจากบริษัทเป็นเงินสดไม่ได้ผ่านบัญชี
ตนทำงานได้ประมาณ 2 เดือนก็ลาออกไปหาทำงานอื่น จนกระทั่งลูกสาวโทรไปบอกว่าไม่ได้ยื่นแบบภาษีให้กับสรรพากรพื้นที่ เพราะตนมีเงินรายได้ปีละกว่า 1,600,000 บาท จึงรีบกลับบ้านเพื่อจะเข้ามาชี้แจงความจริงกับสรรพากร ว่า ตนหาเช้ากินค่ำมีรายได้เพียงวันละ 300-400 บาทเท่านั้นและไม่เคยไปทำธุรกรรมใดๆ
นายเลียบ ยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมาตนกับภรรยา เคยไปยื่นขอทำบัตรคนจนตามโครงการของรัฐบาล แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่บอกว่า”ลุงไม่ผ่านเพราะรวยแล้ว มีรายได้มากแล้ว”ตนรู้สึกแปลกใจว่าคนอื่นที่มีฐานะมากกว่าตน ยังทำบัตรคนจนได้ แต่ตนกลับไม่ได้ จนกระทั่งมาทราบตอนนี้ถึงสาเหตุที่ทำบัตรคนจนไม่ได้
ตอนนี้ครอบครัวเดือดร้อนอย่างหนัก นอกจากจะหวาดผวาว่าจะโดนความผิดแล้ว ครอบครัวยังเสียโอกาสที่จะได้รับสวัสดิการจากภาครัฐตามที่ควรจะได้ จึงอยากจะเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับตนและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากนายทุนที่เห็นแก่ตัวเอาชื่อของตนไปทำอย่างอื่นโดยที่ตนไม่รู้เห็นด้วย/////////////




ภาพ/ข่าว ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง/วันชัย ผิวอร่าม จ.บุรีรัมย์
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพร
บก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)






-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์

-----------------------------------------------------

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น