สยามไทยแลนด์ นิวส์ (ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)
ปศุสัตว์บุรีรัมย์นำร่องอบรมการผสมเทียมโค-แพะ
ปศุสัตว์บุรีรัมย์ นำเกษตรกรอาสาสมัครฝึกอาชีพโครงการไทยนิยมยั่งยืน เข้าฝึกอบรมการผสมเทียมโคเนื้อและแพะ หวังเพิ่มจำนวนประชากรให้มากขึ้น สนองความต้องการบริโภคเนื้อในประเทศ ลดการนำเข้าเนื้อโคและเนื้อแพะจากต่างประเทศ ทั้งยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน
บุรีรัมย์ / เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.61 ที่ห้องประชุมศูนย์วิทยบริการ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายอนุรัฐ ไทยตรง รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดโครงการสร้างทักษะและส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตร กิจกรรมอาสาปศุสัตว์เพื่อการพัฒนาอาชีพแก่เกษตรกรรายย่อย หลักสูตรพนักงานผสมเทียมตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน (อาสาปศุสัตว์ผสมเทียมโคเนื้อ-แพะ) ซึ่งสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ จัดนำร่องขึ้นเป็นรุ่นแรก เพื่อพัฒนาอาสาปศุสัตว์ ให้มีองค์ความรู้ในด้านการผสมเทียม เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อกับแพะให้ดีขึ้น และมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน ทั้งยังเป็นการเพิ่มปริมาณโคเนื้อกับแพะภายในประเทศ ลดการนำเข้าการนำเข้าเนื้อจากต่างประเทศ โดยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคกับแพะ ซึ่งเป็นผู้ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วม การประกอบอาชีพในโครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่ได้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกในรุ่นแรก 50 คน เข้าร่วมฝึกอบรมโดยพร้อมเพรียงกัน
ทั้งนี้ได้มีการฝึกอบรมให้ความรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติ จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ ,ศูนย์วิจัยการผสมเทียมและเทคโนโลยีชีวภาพนครราชสีมา ,และแผนกวิชาสัตว์ศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ โดยมีระยะเวลาในการฝึกอบรมจำนวน 16 วัน ระหว่างวันที่ 6-21 มิ.ย.61 ในรุ่นที่ 1 และจะมีการจัดฝึกขึ้นต่ออีก 3 รุ่น เพื่อให้อาสาปศุสัตว์ผสมเทียม ได้มีทักษะความรู้ในการผสมเทียมอย่างแท้จริง เพื่อให้การปฎิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นายพจน์ภิรัชต์ เนียมจุ้ย ปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่าการฝึกอบรมอาสาปศุสัตว์ผสมเทียมครั้งนี้ จ.บุรีรัมย์ ได้คัดเลือกเกษตรกรที่สมัครเป็นอาสาปศุสัตว์ผสมเทียมโคจำนวน 200 ราย และแพะอีก 4 ราย จากทั่วทั้งประเทศมีจำนวน 4,100 ราย ซึ่งนอกจากเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ให้กับอาสาปศุสัตว์ผสมเทียมแล้ว อาสาฯเหล่านี้ยังจะเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ในการดูแลเฝ้าระวัง โดยอาสาฯจะได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 3,000 บาท เฉลี่ยวันละ 100 บาท ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงเดือนกันยายน สิ้นปีงบประมาณ 2561 ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นโครงการ ปศุสัตว์ฯจะจัดหางบประมาณอุดหนุนช่วยเหลือ เพื่อเป็นช่วยเหลือด้านอาชีพและรายได้ต่อไป
ปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ ระบุอีกว่าการผสมเทียมสามารถผสมได้เดือนละ 1 ครั้งต่อตัว และบางตัวอาจจะต้องผสมเทียมถึง 2 ครั้ง ถึงจะผสมเทียมติดและมีลูก ซึ่งโค 1 ตัว จะมีอัตราการตกลูกได้ 2ตัวภายในระยะเวลา 3 ปี และคาดว่าการผสมเทียมดังกล่าวนี้ จะสามารถช่วยเพิ่มปริมาณของโคและแพะ ลดการนำเข้าเนื้อโคและเนื้อแพะจากต่างประเทศได้ เนื่องจากในปัจจุบันประเทศไทย มีความต้องการบริโภคเนื้อโค และเนื้อแพะที่มากขึ้น ทำให้เนื้อที่มีอยู่ในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ จำเป็นต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าหากมีจำนวนโคเนื้อและแพะที่มากขึ้น ก็จะสามารถช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยในปี 2561 นี้ จ.บุรีรัมย์ ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณจำนวนโค ที่เกิดจากการผสมเทียมขึ้นอีกประมาณ 10,000 ตัว เป็น 25,000 ตัว จากปกติที่มี 15,000 ตัว
“ข้อดีของการผสมเทียม จะทำให้ลูกโคและแพะ ที่ได้จากการผสมเทียมมีความสมบูรณ์แข็งแรงดี กว่าการผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และการเกิดโรคต่างๆ รวมทั้งความไม่สมบูรณ์ของลูกที่ได้มา เพราะการผสมเทียมได้มีการคัดเลือกพ่อพันธุ์มาเป็นอย่างดี เพื่อนำน้ำเชื้อมาผสมเทียม”นายพจน์ภิรัชต์ กล่าว.
ภาพ/ข่าว ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง / วันชัย ผิวอร่าม
เกรียงไกร อนุรักษ์เจริญพรบก.สยามไทยแลนด์ นิวส์
(ทุกทิศ ทั่วไทย ข่าวสารกว้างไกล คุณธรรมนำใจประชาชน)
-------------------------------------
เว็ปไซต์นี้จดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทะเบียนพาณิชย์
-----------------------------------------------------
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น